รีเซต

'บิ๊กป้อม' นั่งหัวโต๊ะ 'คจร.' ไฟเขียว 'โครงการพัฒนาระบบคมนาคม' เคลื่อนยุทธศาสตร์ EEC

'บิ๊กป้อม' นั่งหัวโต๊ะ 'คจร.' ไฟเขียว 'โครงการพัฒนาระบบคมนาคม' เคลื่อนยุทธศาสตร์ EEC
มติชน
20 กันยายน 2564 ( 12:17 )
29

‘บิ๊กป้อม’ นั่งหัวโต๊ะ ‘คจร.’ ไฟเขียว ‘โครงการพัฒนาระบบคมนาคม’ ขับเคลื่อนสู่ยุทธศาสตร์พัฒนาพื้นที่ EEC หนุนไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียน

 

 

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 กันยายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก(คจร.) ครั้งที่ 2/2564 โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เข้าร่วมประชุม

 

 

โดยที่ประชุมเห็นชอบ การพัฒนาระบบคมนาคม และการแก้ไขปัญหาการขนส่ง การจราจรทางบก ได้แก่แผนแม่บทการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ กลุ่มจังหวัด ฉะเชิงเทรา ,ชลบุรี และระยอง สำหรับรองรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เพื่อขับเคลื่อนโครงการไปสู่การปฏิบัติ ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่ EEC และเห็นชอบโครงการศึกษาจัดทำแผนการพัฒนาโครงข่ายทางรถไฟ ร่วมกับ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (Motorways-Railways Masterplan : MR-Map)

 

 

ทั้งนี้มีการจัดทำร่างโครงข่ายเส้นทางเบื้องต้น จำนวน 10 เส้นทาง มีระยะทางรวม 6,540 กิโลเมตร โดยจัดทำเป็นโครงการนำร่อง 4 เส้นทาง ได้แก่ 1.เส้นทาง กาญจนบุรี(ด่านเจดีย์สามองค์)-อุบลราชธานี(สะพานมิตรภาพแห่งที่ 6) 2.เส้นทาง ชุมพร-ระนอง 3.เส้นทางหนองคาย-แหลมฉบัง และ 4.เส้นทางวงแหวนรอบนอก กทม.รอบที่ 3 ซึ่งจะก่อให้เกิดการเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย และเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งทางถนน,ทางราง,ทางน้ำ และทางอากาศ เพื่อสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน

 

นอกจากนี้ที่ประชุมเห็นชอบโครงการระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดง(สถานีรังสิต) จ.ปทุมธานี โดยมีรูปแบบการเดินรถที่สอดคล้องกับระบบรถไฟฟ้า(on Schedule services) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และให้บริการได้กับประชาชนทุกคน รวมถึงผู้พิการ ด้วย ทั้งนี้ที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้า แผนการติดตั้งระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางแบบไม่มีไม้กั้น(M-Flow) ซึ่งจะเปิดให้บริการ ตุลาคม 2564 จำนวน 4ด่าน (ด่านทับช้าง1,2 ,ด่านธัญบุรี1,2)

 

 

พล.อ.ประวิตร กล่าวเน้นย้ำ กระทรวงคมนาคมกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมีการบูรณาการทำงานร่วมกัน อย่างจริงจัง ต้องเร่งรัดแผนงานและโครงการให้รวดเร็ว สามารถรองรับการบริการประชาชนได้ อย่างทั่วถึง ทั้งการขนส่งและการจราจร เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคม ของประเทศ ให้ก้าวหน้าอย่างไม่มีขีดจำกัดในอนาคตต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง