รีเซต

รองนายกฯ 'สิงคโปร์' ร้องนานาประเทศหยุดกั๊กผลประโยชน์จาก 'เทคโนโลยี'

รองนายกฯ 'สิงคโปร์' ร้องนานาประเทศหยุดกั๊กผลประโยชน์จาก 'เทคโนโลยี'
Xinhua
8 ตุลาคม 2563 ( 09:39 )
103

(แฟ้มภาพซินหัว : หุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ที่เชี่ยวชาญการแพทย์แผนจีนให้บริการตรวจสุขภาพในงานมหกรรมการค้าภาคบริการนานาชาติแห่งประเทศจีน 2020 ณ กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน วันที่ 7 ก.ย. 2020)[/caption]สิงคโปร์, 7 ต.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันอังคาร (8 ต.ค.) เฮง สวี เกียต รองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ เรียกร้องนานาประเทศหลีกเลี่ยงการกอบโกยผลประโยชน์จากเทคโนโลยีไว้กับตนเองฝ่ายเดียว และหันมาร่วมมือกันเฮงกล่าวระหว่างปาฐกถาพิเศษ ณ พิธีเปิดงานสัปดาห์ไซเบอร์นานาชาติสิงคโปร์ (Singapore International Cyber Week) ซึ่งจัดโดยหน่วยงานความมั่นคงทางไซเบอร์ของสิงคโปร์ ว่าวิธีที่ดีที่สุดคือการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน รวมถึงดึงเอาจุดแข็งของอีกฝ่ายมาปรับใช้ เพื่อให้ประเทศต่างๆ ฟื้นตัวได้ดีขึ้นจากการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)ยามโลกอยู่ในจุดกึ่งกลางของการปฏิวัติทางดิจิทัล ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงสังคมและเศรษฐกิจในขั้นพื้นฐาน เฮงกล่าวนานาประเทศทั่วโลกจำเป็นต้องแก้ไขประเด็นปัญหาต่างๆ เช่น การใช้เทคโนโลยีอย่างมีจริยธรรม ความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน และความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงสารสนเทศที่ขยายตัวยิ่งขึ้น

 

(แฟ้มภาพซินหัว : 'สปอต' หุ่นยนต์สุนัขที่สามารถตรวจจับได้ว่าบุคคลในพื้นที่ใกล้เคียงสวมหน้ากากอนามัยหรือไม่ ระหว่างการทดลองครั้งที่ 2 ในสวนสาธารณะบิชานของสิงคโปร์ วันที่ 22 ก.ย. 2020)

 

"เมื่อผู้คนออนไลน์มากขึ้น อาชญากรรมและภัยคุกคามก็ปรากฏบนโลกออนไลน์เพิ่มขึ้นเช่นกัน" เฮงกล่าว "ความปลอดภัยทางไซเบอร์จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง เมื่อเราโลดแล่นบนโลกดิจิทัลมากขึ้น"เฮงเตือนว่าข้อตกลงพหุภาคีอันมีกฎเกณฑ์เป็นรากฐาน ซึ่งเกื้อหนุนการเติบโตและสันติภาพนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันในเวลานี้"บางประเทศเข้าร่วมข้อตกลงนี้เพราะแรงกดดันภายในประเทศ ผลประโยชน์ของโลกาภิวัตน์ไม่ได้กระจายไปอย่างทั่วถึงและคนบางกลุ่มก็กำลังได้รับความเสียหายจากมัน" เฮงกล่าว "แต่ถึงแม้จะมีข้อบกพร่องและข้อจำกัด โลกจะยิ่งแย่กว่านี้หากปราศจากลัทธิพหุภาคีและโลกาภิวัตน์"เฮงกล่าวว่าการทำงานร่วมกันจะทำให้นานาประเทศสามารถสร้างทรัพย์สินร่วมของประชาคมโลกและผลประโยชน์ที่ยั่งยืนต่อประชาชนและประเทศ โดยความร่วมมือหลักคือเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่ภาคส่วนที่เติบโตในช่วงเกิดโรคระบาดใหญ่

 

(แฟ้มภาพซินหัว : เด็กคนหนึ่งเล่นเกมวีอาร์ที่ห้างสรรพสินค้าในเขตอวี๋เป่ย เทศบาลนครฉงชิ่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน วันที่ 2 ต.ค. 2020)

 

ประเทศต่างๆ ควรใช้ประโยชน์จากศักยภาพการเติบโตที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจดิจิทัลให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการเสริมสร้างการเชื่อมต่อทางดิจิทัลเพื่อยกระดับการค้าดิจิทัลข้ามพรมแดน และควรร่วมกันพัฒนากรอบการกำกับดูแลใหม่สำหรับคลังสารสนเทศดิจิทัลให้เอื้ออำนวยต่อการใช้นวัตกรรมและการรักษาความไว้วางใจของสาธารณชนไปพร้อมกัน

 

เฮงเสริมว่าความร่วมมือระดับโลกมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยทางไซเบอร์ อันเป็นรากฐานสำหรับความไว้วางใจในการแลกเปลี่ยนทางดิจิทัล

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง