โผล่อีกรายยายถูกเรียกคืนเบี้ยคนชรา เล่าสามีเป็นอดีตตร.ถูกคอมมิวนิสต์ยิงตาย

วันที่ 28 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.กระบี่ ว่า มีผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการถูกเรียกเก็บคืนเบี้ยผู้สูงอายุย้อนหลัง โผล่เพิ่มมาอีก 1 ราย หลังก่อนนี้มีคนชราหลายจังหวัดถูกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แจ้งให้จ่ายเงินคืนย้อนหลัง

โดยใน จ.กระบี่ นางเรียม สุขวิทย์ อายุ 71 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31/2 หมู่ 2 ต.ทรายขาว อ.คลองท่อม จ.กระบี่ แม่ค้าขายขนมจีน เป็นอีก 1 คนที่ถูกเทศบาลตำบลทรายขาว เรียกเก็บเบี้ยผู้สูงอายุย้อนหลัง โดยเทศบาลตำบลทรายขาว เรียกเก็บเบี้ยผู้สูงอายุ ย้อนหลังเป็นเงินกว่า 5 หมื่นบาท เพราะตัวเองได้รับเงินบำนาญของสามีที่เคยเป็นตำรวจ และเสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่

นางเรียม เผยว่า ก่อนนี้สามีตนเคยเป็นตำรวจ ประจำอยู่ สภ.ทรายขาว อ.คลองท่อม จ.กระบี่ โดยเมื่อปี 2521 ร.ต.อ.สมหวัง สุขวิทย์ สามีของตนเสียชีวิตขณะกำลังเข้าเวรปฏิบัติหน้าที่ ที่ สภ.ทรายขาว ซึ่งถูกผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในยุคนั้น บุกล้อมโรงพักแล้วยิงถล่มใส่ตำรวจ เป็นเหตุให้สามีตายในหน้าที่ หลังจากนั้นอีกกว่า 10 ปี ตนก็ได้รับเงินบำนาญของสามีเป็นเงินเดือนละประมาณ 9 พันถึง 1 หมื่นบาท โดยเริ่มได้เงินบำนาญมาตั้งแต่ปี 2530

กระทั่งต่อมาเมื่อตอนที่ตนอายุได้ 60 ปี ก็มี จนท.ของเทศบาลฯ นำเอกสารมาให้ตนเซ็น เพื่อรับเงินในโครงการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ซึ่งตอนที่ จนท.นำเอกสารมาให้เซ็น ก็ไม่ได้สอบถามตนมาก่อนว่าได้รับสิทธิสวัสดิการอื่นใดอยู่หรือไม่ ตนเองก็ไม่เข้าใจ จนท.นำเอกสารมาให้ ก็เข้าใจว่าตัวเองมีสิทธิจะได้รับเบี้ยยังชีพ ก็เซ็นรับไป และได้เงินในปีแรกเดือนละ 600 บาท จนอายุได้ 70 ปี ก็ขึ้นเป็นเดือนละ 700 บาท แต่หลังอายุ 70 ปี ได้รับเงินมา 2 เดือน จนท.ก็แจ้งหยุดจ่ายเงินให้ เพราะคุณสมบัติของตนผิดเงื่อนไข

นางเรียม เผยต่อว่า หลังจากนั้นเมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา จนท.ก็มาแจ้งให้ตนทราบว่า ตนต้องจ่ายคืนเงินเบี้ยยังชีพคนชราที่ได้รับไปเกือบ 10 ปี เป็นเงินรวมกว่า 5 หมื่นบาท ซึ่งตนเองก็ไม่มีปัญญาจะหาเงินมากขนาดนั้นมาให้ เพราะทุกวันนี้ต้องทำขนมจีนขาย มีรายได้จากกำไรวันละ 2-3 ร้อยบาทเท่านั้น ส่วนเงินบำนาญของสามี ที่ได้รับในปัจจุบัน ก็ได้ไม่แน่นอน บางเดือนได้ 10,000 บางเดือนได้ 9,000 บาท ต้องใช้เป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน

“จนท.แจ้งตนว่าหากจ่ายคืนเป็นเงินก้อน จะไม่ถูกจ่ายดอกเบี้ย แต่ถ้าจะผ่อนคืนก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยด้วย ตนจึงตกลงที่จะผ่อนจ่ายคืน ซึ่งตอนแรกตนก็คิดว่าเป็นความผิดของตัวเองที่ไปเซ็นรับเบี้ยยังชีพ แต่พอเห็นข่าวที่สื่อกำลังนำเสนอ ก็พบว่ามีคนที่เดือดร้อนกรณีคล้ายตนอีกหลายคน จึงอยากให้ทางภาครัฐ ช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ด้วย”นางเรียมกล่าว