PRM โบรกฯ คาดกำไร Q1/68 ไม่เด่น บล.หยวนต้าลดเป้าเหลือ 8.50 บ.

#PRM #ทันหุ้น - บทวิเคราะห์หุ้น PRM โดย บล.หยวนต้า
.
บล.หยวนต้า คาดกำไรสุทธิไตรมาสที่ 1 ปี 2568 ของบริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM ที่ 547 ลบ. หากไม่รวมขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและกำไรจากการขายเรือกักเก็บน้ำมันดิบ (FSU) ราว 120 ลบ. กำไรปกติจะอยู่ที่ 427 ลบ. (+8% QoQ, -21% YoY) ฟื้นตัว QoQ จากค่าใช้จ่ายที่น้อยลง แต่ลดลง YoY เทียบฐานสูง
คาดรายได้รวมที่ 2.1 พันลบ. (-1% QoQ, 2% YoY) อยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสที่ 4 ปี 2567 เนื่องจากกองเรือที่ยังไม่กลับมาเต็ม Capacity หลังบริษัทได้นำเรือเข้าอู่แห้งเพื่อซ่อมบำรุง 3 ลำในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 (เรือขนส่งน้ำมันขนาดใหญ่ - VLCC. เรือกักเก็บน้ำมันดิบ - FSU, เรือขนส่งและที่พักอาศัยสำหรับพนักงาน - AWB) โดยเรือได้ทยอยกลับมาให้บริการในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค. คาด GPM รวมที่ 33.6% (-36bps QoQ, -250bps YoY) ลดลงทั้ง QoQ และ YoY กดดันจากธุรกิจ FSU ที่มีเรือเข้าอู่ 1 ลำ ค่าใช้จ่าย SG&A คาดที่ 145 ลบ. (-20% QoQ, +6% YoY) คิดเป็นอัตราส่วน SG&A/Sales ที่ 6.9% ลดลงเทียบ 8.6% ในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 ที่ปกติมีค่าใช้จ่ายพนักงานมากกว่าไตรมาสอื่น
แนวโน้มกำไรไตรมาสที่ 2 ปี 2568 ดีขึ้น QoQ ต่อ...กลับมาเติบโต YoY ในครึ่งปีหลัง 2568
แนวโน้มกำไรปกติไตรมาสที่ 2 ปี 2568 ฟื้นตัว QoQ ต่อเนื่องจากกองเรือที่เข้าอู่ซ่อมบำรุงจะกลับมาให้บริการได้เต็มไตรมาส ในขณะที่ Crew Boat ใหม่ที่รับมา 3 ลำในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 ก็ได้เริ่มงานให้ลูกค้าแล้วในสัญญาเช่าเรือเปล่า (Bareboat Charter) ที่ผู้เช่าจะแบกรับค่าใช้จ่ายการดำเนินงานและบำรุงเรือ PRM ได้ขายเรือ FSU เก่าไป 1 ลำใน มี.ค. แต่มีเรือใหม่ที่ซื้อมาในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 จะเริ่มให้บริการในเดือน พ.ค. ประเมินรายได้ในธุรกิจ High Margin ที่ฟื้นตัวจะเป็นปัจจัยหนุนให้ GPM รวมฟื้นตัว QoQ ในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 ด้วยเช่นกัน ฝ่ายวิจัยคาดกำไรจะกลับมาเติบโต YoY ได้ในครึ่งปีหลัง 2568 จากการรับรู้ Capacity กองเรือที่เพิ่มขึ้นอย่างเต็มที่ บริษัทรอรับ Crew Boat ใหม่อีก 1 ลำในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 ทำให้คาด ณ สิ้นปี 2568 PRM จะมีกองเรือทั้งหมด 68 ลำ บริษัทอาจพิจารณาลงทุนในเรือประเภทอื่นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเรือบริการนอกชายฝั่งเพิ่มเติม คาดเห็นความชัดเจนมากขึ้นในครึ่งปีหลัง 2568
ปรับประมาณการกำไรปี 2568-2569 ลง 8-9%
ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการกำไรปกติปี 2568-2569 ลง 8-9% เป็น 2.2 พันลบ. (+6% YoY) และ 2.3 พันลบ. (+5% YoY) ตามลำดับ จากการ 1) ปรับคาดการณ์รายได้ลง 1-2% เป็น 9.4 พันลบ. (+7% YoY) และ 9.7 พันลบ. (+3% YoY) ตามลำดับ จากการปรับจำนวนเรือ FSU หลังการขายเรือเก่า 1 ลำในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 และ 2) ปรับลด GPM ลงเป็น 36.8-37.1% จากเดิมที่ 38.2-38.6% เพื่อสะท้อนแนวโน้ม GPM ที่จะดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปต่อจากปี 2567 ผลักดันโดยการขยายธุรกิจ FSU และเรือบริการนอกชายฝั่ง
ผลกระทบจาก Trade War จำกัด คงคำแนะนำ "ซื้อ"
ผลของการปรับประมาณการทำให้ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 8.50 บาท (อิง PER ที่ 9.5x เทียบเท่า ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของบริษัท) ราคาหุ้นปรับตัวลงตามสภาวะตลาดและ Sentiment ลบจากรายการ Big Lot ขนาดใหญ่ อย่างไรก็ดี คาดแนวโน้มผลประกอบการฟื้นตัว QoQ ต่อเนื่องในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 จากการกลับมาให้บริการเต็มไตรมาสของเรือใหญ่ และกลับมาเติบโตทั้ง QoQ และ YoY ในครึ่งปีหลัง 2568 จากขนาดกองเรือที่เพิ่มขึ้นราว 10% YoY นอกจากนี้ คาดผลกระทบจาก Trade War จำกัดเนื่องจากธุรกิจหลักไม่มีฐานลูกค้าจากสหรัฐฯ และส่วนใหญ่อิงการบริโภคในภูมิภาค ราคาหุ้นซื้อขายบน PER25 ที่ 7x และจะขึ้น XD สำหรับงวดครึ่งปีหลัง 2567 ในวันที่ 6 พ.ค. จำนวน 0.24 บาท คิดเป็น Dividend Yield 3.9% คงคำแนะนำ"ซื้อ"