รีเซต

สคล.หนุน 'โครงการพี่สอนน้อง' สร้างภูมิคุ้มกันเยาวชน ห่างไกลอบายมุข

สคล.หนุน 'โครงการพี่สอนน้อง' สร้างภูมิคุ้มกันเยาวชน ห่างไกลอบายมุข
มติชน
26 พฤษภาคม 2565 ( 11:19 )
35
สคล.หนุน 'โครงการพี่สอนน้อง' สร้างภูมิคุ้มกันเยาวชน ห่างไกลอบายมุข

นางสาวมินตรา แซ่ซิ้ม เจ้าหน้าที่ประสานงาน สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จ.มหาสารคาม เปิดเผยว่า จัดโครงการพี่สอนน้อง ปีนี้จัดขึ้นใน 2 โรงเรียน คือ โรงเรียนกู่สันตรัตน์ และโรงเรียนบ้านยางอิไลดอนก่อ  แต่ละครั้งจะมีเยาวชนเข้าร่วมประมาณ 50 คน ลักษณะกิจกรรมแบ่งเป็นกลุ่มๆ ละ ประมาณ 10 คน  มีรุ่นพี่แกนนำร่วมด้วย โดยเปิดโอกาสให้น้อง ๆ ได้แลกเปลี่ยน พูดคุย เล่าประสบการณ์ของตนเองต่อเรื่อง สุรา บุหรี่ และหาทางออกรวมถึงหนทางแก้ปัญหาร่วมกัน โดยเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งด้วยวัยที่ใกล้เคียงกัน น้อง ๆ จะกล้าเปิดใจเล่าสิ่งที่พบเห็นในชุมชนของตนเองให้พี่แกนนำฟัง ทำให้เราได้ข้อมูลเชิงลึกมากขึ้น และที่สำคัญเราได้อัพเดทการตลาดของธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในแต่ละปีด้วยว่า ณ ตอนนั้นเขามีกลยุทธ์อย่างไรบ้างในการเจาะกลุ่มตลาดวัยรุ่น ทำให้เรารู้เท่าทันการตลาดของธุรกิจนี้และสามารถนำข้อมูลมาปรับใช้ในการทำงานของเราได้

 

 

“เดิมทีเราก็ทำกันแบบ มีเจ้าหน้าที่ไปอบรมให้ความรู้เรื่องกฎหมาย พ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับเยาวชน แต่พบว่ามีช่องว่างระหว่างวัย คือ น้อง ๆ ไม่เปิดใจ ไม่สะท้อนอะไรกลับมาเลย นั่งฟังเฉยๆ เราจึงปรับกระบวนการใหม่ โดยนำแกนนำเยาวชนซึ่งเรามีการพัฒนาศักยภาพน้อง ๆ เหล่านี้อยู่แล้ว ก็ดึงมาเป็นพี่เลี้ยง ซึ่งวัยเขาใกล้เคียงกัน เด็กๆก็เปิดใจคุยกับพี่ๆ เขากล้าจะคุยและเล่าให้กันฟัง ล่าสุดเรานำเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียงเข้าไปในกิจกรรมด้วย ซึ่งการเข้าไปจัดกิจกรรมในแต่ละโรงเรียนจะมีการพูดคุยกับทางโรงเรียนก่อนว่าโรงเรียนต้องการอะไรเป็นหลัก แต่ละโรงเรียนมีความต้องการไม่เหมือนกัน เราต้องจัดกิจกรรมหลักตามที่โรงเรียนต้องการก่อน จากนั้นเราค่อยเอากิจกรรมของเราเข้าไปเสริมก็จะ win win กันทั้งสองฝ่าย” นางสาวมินตรา กล่าว

 

 

น.ส.จุฑามณี บุญพี (วุ้น) ชั้นปี3 สาขาคณิตศาสตร์คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม  ซึ่งเคยผ่านกระบวนการพี่สอนน้องมาก่อน มาเป็นแกนนำเยาวชน โครงการพี่สอนน้อง กล่าวเสริมว่า น้องเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการหลายคนมีประสบการณ์คล้ายกับตนเอง คือ มีคนในครอบครัวหรือผู้ปกครองดื่มสุราแต่น้องไม่กล้าบอกให้เลิกเพราะกลัวโดนดุ ในฐานะพี่จึงเล่าประสบการณ์ของตนเองที่วันหนึ่งกล้าเอ่ยปากขอให้พ่อเลิกเหล้าเพื่อครอบครัวและอนาคตของลูก ขอค่าเหล้ามาเป็นค่าเล่าเรียนของลูกแทน ซึ่งเริ่มแรกพ่อของดเหล้าในระยะสั้นก่อน ต่อมาเมื่อทำได้เราก็ขอให้พ่อขยายเวลางดเหล้าออกไปอีก ซึ่งครอบครัวให้การสนับสนุนทุกทางพร้อมสร้างสภาพแวดล้อมไม่ให้เอื้อต่อการดื่ม จนในที่สุดพ่อก็เลิกดื่มแล้ว  ซึ่งพอน้องได้ฟังก็เริ่มมีความมั่นใจกล้าที่จะลองพูดกับครอบครัวมากขึ้น  เราต้องเปิดใจกับน้องก่อน เขาก็กล้าจะคุยกับเรา คือ คุยกันเหมือนเป็นพี่น้อง

 

นายธีรวุฒิ ชูใสย์ (บาส) ม.3 โรงเรียนกู่สันตรัตน์ ต.กู่สันตรัตน์ อ.นาดูน จ.มหาสารคาม เผยความรู้สึกว่า ผมชอบโครงการนี้มาก เพราะนอกจากเราจะได้ความรู้เกี่ยวกับ กฎหมายและผลกระทบอันเกิดจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายและสังคมโดยรวมแล้ว ยังได้ฝึกตนเองให้กล้าแสดงออก กล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ ผ่านกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกันกับเพื่อน ๆ น้อง ๆ ในกลุ่มโดยมีพี่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด ผิดจากเมื่อก่อนผมจะไม่กล้าพูดเท่าไหร่ ถ้ามีโอกาสก็จะเข้าร่วมกิจกรรมแบบนี้อีกครับ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง