"เนทติเซนท์" จับมือ “หัวเว่ย คลาวด์” เปิดตัว netizen.cloud ยกระดับจัดการข้อมูล
นายกฤษดา สาธุกิจชัย Founder บริษัท เนทติเซนท์ จำกัด (Netizen) เปิดเผยว่า เนทติเซนท์ เติบโตขึ้นมาด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการยกระดับระบบไอที ให้กับองค์ธุรกิจชั้นนำของประเทศ ด้วยการใช้ความรู้ความสามารถจากตำแหน่ง ‘บริษัทที่ปรึกษาของซอฟต์แวร์ SAP ประเทศเยอรมนี’ มาผสานเข้ากับกระบวนการดำเนินธุรกิจ ที่ครอบคลุมขั้นตอนการบริหารงานในทุกโซลูชั่น และสามารถประยุกต์ให้ตอบโจทย์กับทุกอุตสาหกรรมไทย โดยบริการที่เนทติเซนท์เชี่ยวชาญ มีตั้งแต่ให้คำปรึกษาด้านการนำซอฟต์แวร์ไป Apply ให้ตอบโจทย์องค์กร, การเป็นผู้พัฒนาโซลูชั่นที่ดีที่สุดและตรงตามรูปแบบธุรกิจของลูกค้า และเป็นผู้วางโครงสร้างของระบบ หรือ ‘Infrastructure’ ตั้งแต่รูปแบบของ Network, System, Backup Solution ไปจนถึง Security ล่าสุดได้ร่วมมือกับ ‘หัวเว่ย คลาวด์’ ในการนำเทคโนโลยี Infrastructure มาผสานกับการให้บริการโซลูชั่นคลาวด์ สำหรับองค์กรที่ใช้ซอฟต์แวร์ SAP เพื่อนำไปสู่การเป็น Digital Enterprise พร้อมเติบโตร่วมกันกับลูกค้าในฐานะ Business Partner อย่างแท้จริง
“การร่วมมือกันระหว่าง เนทติเซนท์ และ หัวเว่ย คลาวด์ จะเกิดขึ้นในฐานะ “Strategic Partner” ภายใต้การ Drive Business ขององค์กรชั้นนำด้วย “netizen.cloud” เพื่อยกระดับการบริหารจัดการข้อมูลบน Cloud Platform ที่ดีที่สุดสำหรับซอฟต์แวร์ SAP และ ERP ซึ่งการยกระดับครั้งนี้จะเกิดขึ้นบนโซลูชั่น SAP S/4HANA เวอร์ชัน Netizen Peony รูปแบบ On Cloud ที่จะทำให้การรับ-ส่งข้อมูล รวมถึงการย้ายฐานข้อมูลของระบบ ERP ที่มีส่วนสำคัญในการดำเนินธุรกิจ เป็นไปได้อย่างรวดเร็วและคล่องตัวมากขึ้น พร้อมช่วยให้กลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ที่ใช้งาน “netizen.cloud” เช่น กลุ่มอุตสาหกรรม Healthcare, Manufacturing, Edutech และ Transportation มีการบริหารค่าใช้จ่ายจากรูปแบบ CAPEX เป็น OPEX ช่วยรักษา Cash Flow และลดค่าใช้จ่ายในส่วนของ TCO (Total Cost of Ownership) ได้มากขึ้น”นายกฤษดากล่าว
นางสาวปิยะธิดา อิทธิระวิวงศ์ ประธานกรรมการ ธุรกิจคลาวด์ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หัวเว่ย คลาวด์ เล็งเห็นถึงจุดเด่นของ เนทติเซนท์ ทั้งแง่ของความแข็งแกร่งด้าน Methodology และประสบการณ์วางระบบซอฟต์แวร์ SAP, ERP กว่า 20 ปี ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าการร่วมมือ นำเทคโนโลยี Infrastructure หลักของ Huawei Cloud มาใช้ในครั้งนี้ จะสามารถสร้างสรรค์ Cloud Platform ที่ดีที่สุดได้ เป็นการยกระดับอุตสาหกรรมภาคธุรกิจไทยครั้งใหม่ และยังแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของ 2 องค์กรในการมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงสามารถตอบโจทย์การนำพาลูกค้าไปสู่ Digital Enterprise ได้อย่างตรงจุด แสดงถึงจุดแข็งของเนทติเซนท์ ในการเข้าถึงความต้องการของลูกค้าทุกธุรกิจและหลากอุตสาหกรรมได้อย่างชัดเจน
“การร่วมมือนำความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี Infrastructure ของ Huawei Cloud มาใช้ เกิดขึ้นเพื่อเป้าหมายในการสร้างอนาคต ขับเคลื่อนธุรกิจในประเทศไทยให้เติบโต ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีนี้มี AZ (Availability Zone) ถึง 2 AZ ในประเทศ และเตรียมเสริมความแข็งแกร่งขึ้นอีก 1 AZ ในปี 2021 รองรับด้วยมาตรฐานและความปลอดภัยสูงในระดับโลก นั่นหมายความว่า การทำงานของ netizen.cloud จะถูกยกระดับไปอีกขั้น ให้สามารถรองรับการรับ-ส่งข้อมูล และย้ายฐานข้อมูลของระบบ SAP, ERP ที่มีส่วนสำคัญในการดำเนินธุรกิจขององค์กร เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังเสริมการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ เช่น เรื่อง Cash Flow Management หรือการวาง Provision ด้าน Performance ต่างๆ ของลูกค้า ที่สามารถช่วยวางแผนเรื่องการลงทุนในอนาคตได้เป็นอย่างดี”นางสาวปิยะธิดากล่าว