คอลลิเออร์ส เผย Q1 คอนโดฯ เปิดขายใหม่สูงสุดในรอบ 8 ไตรมาส คาดครึ่งปีแรกมากกว่า 2 หมื่นยูนิต
ข่าววันนี้ นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่กรุงเทพฯ ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 พ.ศ.2565 ที่ผ่านมา พบว่าตลาดกลับมาคึกคักอีกครั้งทั้งในส่วนของอุปทานเปิดขายใหม่และในฝั่งของผู้ซื้อ ซึ่งพบว่ามีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ถึง 16 โครงการ 14,088 ยูนิต ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 34,636 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นอุปทานเปิดขายใหม่ที่สูงที่สุดในรอบ 8 ไตรมาสที่ผ่านมา ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าถึงร้อยละ 241.3 อุปทานเปิดขายใหม่ส่วนใหญ่ยังคงขับเคลื่อนด้วยผู้พัฒนารายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์มากที่สุดถึง 8,022 ยูนิตหรือคิดเป็นร้อยละ 56.9 ของอุปทานที่เปิดขายใหม่ทั้งหมด ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 24,593 ล้านบาท และผู้พัฒนานอกตลาดหลักทรัพย์อีก 6,066 ยูนิตหรือคิดเป็นร้อยละ 43.1 ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 10,043 ล้านบาท และส่วนใหญ่พบว่าผู้พัฒนายังคงเลือกที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ในพื้นที่รอบใจกลางเมืองและพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นนอก ในระดับราคาขายต่อตารางเมตรต่ำกว่า 100,000 บาท เหมือนในช่วงหลายไตรมาสที่ผ่านมา
ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย พบว่า อัตราขายเฉลี่ยรวมของคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ในช่วงไตรมาสที่ 1 พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา ภาพรวมกำลังซื้อกลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งพบว่าเป็นอัตราขายเฉลี่ยรวมที่สูงที่สุดในรอบ 13 ไตรมาสที่ผ่านมา โดยพบว่ามีอัตราการขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณร้อยละ 62.0 เนื่องจากมีโครงการคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่บางโครงการทั้งในพื้นที่เมืองชั้นในและในพื้นที่นอกเมืองด้านทิศตะวันออกมีลูกค้าให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ปิดการขายไปกว่าร้อยละ 70.0 ในช่วงระยะเวลาของการเปิดขายในช่วงพรีเซลล์(Pre-sale)เท่านั้นและบางโครงการสามารถปิดการขายไปมากกว่าร้อยละ 90.0 เนื่องจากระดับราคาที่น่าสนใจ ส่งผลให้ทั้งในส่วนของกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่อการอยู่อาศัยและกลุ่มนักลงทุนให้ความสนใจเข้าซื้อเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมองว่าโครงการเหล่านี้ยังสามารถทำกำไรต่อได้ในอนาคต นอกจากนี้พบว่า ผู้พัฒนารายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์บางส่วนเลือกใช้วิธี Short Cut ด้วยการเข้า take over โครงการคอนโดมิเนียมอื่นๆ เนื่องจากมองว่าเป็นการประหยัดเวลา และได้ราคาที่ดีเพื่อนำมาพัฒนาต่อ
นายภัทรชัยกล่าวว่า สำหรับในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปีที่ผ่านมา ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย พบว่า ผู้พัฒนาส่วนใหญ่ยังคงเดินหน้าประกาศแผนเปิดตัวโครงการใหม่สำหรับปี พ.ศ. 2565 กันอย่างคึกคัก และส่วนใหญ่เริ่มทยอยเปิดตัวโครงการใหม่ตั่งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา เช่น บมจ. โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ เปิดขายคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาถึง 4 โครงการ ด้วยจำนวนยูนิตขายใหม่กว่า 3,394 ยูนิต และพบว่าบางโครงการสามารถปิดการขายไปกว่าร้อยละ 70.0 ในช่วงของการพรีเซลล์เท่านั้น นอกจากนี้พบว่ามีโครงการขนาดใหญ่ที่มียูนิตขายมากกว่า 5,000 ยูนิต คือโครงการรีเจ้นท์ โฮม บางนา ตั้งอยู่บนถนนสรรพาวุธ พัฒนาโดย บจ. รีเจนท์ กรีน เพาเวอร์ ได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นอย่างมากสามารถปิดการขายไปกว่าร้อยละ 90.0 อย่างรวดเร็วในช่วงของการเปิดขายอย่างเป็นทางการเท่านั้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตลาดเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง กลุ่มลูกค้าให้ความสนใจเข้าซื้ออย่างต่อเนื่องสำหรับโครงการที่พวกเขามองว่ายังสามารถทำกำไรต่อได้ รวมถึงตั้งอยู่บนทำเลที่ดีและราคาที่น่าสนใจ และพบว่าผู้พัฒนารายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์บางส่วน ยังคงมีการเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องในทำเลที่มั่นใจในกำลังซื้อหรือทำเลที่มีลูกค้าเฉพาะกลุ่มที่ชัดเจน เช่น โรงพยาบาลชั้นนำ หรือห้างสรรพสินค้า เป็นต้น แต่ผู้พัฒนาส่วนใหญ่ค่อนข้างระมัดระวังในการกำหนดราคาขายเป็นอย่างมากแม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาผู้พัฒนาจะต้องเผชิญกับภาวะต้นทุนราคาค่าวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่าร้อยละ 20.0 เนื่องจากโครงการคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ในช่วงที่ผ่านมาไม่สามารถปรับราคาขายเพิ่มขึ้นจากเดิมได้มากนัก และพบว่าผู้พัฒนารายใหญ่ในตลาดพยายามมองหาจุดขายใหม่ๆ หรือบริการอื่นๆ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาโครงการใหม่ๆ เช่น เรื่องของการบริการทางการแพทย์ , Pet – Friendly หรือ คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ เป็นต้น นอกจากนี้พบว่า ผู้พัฒนารายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์บางส่วนเลือกใช้วิธี Short Cut ด้วยการเข้า take over โครงการคอนโดมิเนียมอื่นๆ เนื่องจากมองว่าเป็นการประหยัดเวลา และได้ราคาที่ดีเพื่อนำมาพัฒนาต่อ
นายภัทรชัยกล่าวว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา หลายโครงการได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ซื้อเป็นอย่างมาก ส่งผลให้อัตราขายเฉลี่ยรวมของคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ในช่วงไตรมาสที่ 1 พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมาเป็นอัตราขายเฉลี่ยรวมที่สูงที่สุดในรอบ 13 ไตรมาสที่ผ่านมา โดยพบว่ามีอัตราการขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณร้อยละ 62.0 เนื่องจากมีโครงการคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่บางโครงการทั้งในพื้นที่เมืองชั้นในและในพื้นที่นอกเมืองด้านทิศตะวันออกมีลูกค้าให้ความสนใจเป็นอย่างมาก สามารถปิดการขายไปกว่าร้อยละ 70.0 ในช่วงระยะเวลาของการพรีเซลล์เท่านั้น เนื่องจากระดับราคาที่น่าสนใจ ส่งผลให้ลูกค้าที่ซื้อเพื่อการอยู่อาศัยและกลุ่มนักลงทุนให้ความสนใจเข้าซื้อเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมองว่าโครงการเหล่านี้ยังสามารถทำกำไรต่อได้ในอนาคต จากอัตราการขายเฉลี่ยของโครงการคอนมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปีพ.ศ. 2565 ที่ผ่านมาโดยภาพรวม ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย มองว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างดี หลายโครงการสามารถปิดการขายได้ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ และยังคงมีลูกค้าให้ความสนใจเข้าซื้อและเยี่ยมชมโครงการอย่างต่อเนื่อง
สำหรับในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีของปี พ.ศ. 2565 ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย คาดการณ์ว่าจะมีอุปทานคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ อีกมากกว่า 6,000 ยูนิต ซึ่งอาจส่งผลให้อุปทานเปิดขายใหม่ของตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่กรุงเทพมหานครในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ปรับตัวมาอยู่ที่มากกว่า 20,000 ยูนิต อีกครั้ง และส่วนใหญ่ยังคงกระจายตัวอยู่ในพื้นที่รอบใจกลางเมืองและพื้นที่กรุงเทพฯชั้นนอก ในระดับราคาขายที่ไม่สูงมากโดยเฉพาะในช่วงระดับราคา 50,000-100,000 บาทต่อตารางเมตร หรือในทำเลรอบใจกลางเมือง ที่เน้นเรื่องราคา การออกแบบและทำเลเป็นจุดขาย เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ซื้อ ซึ่งฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย มองว่าตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพมหานครและเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญในปีนี้จะกลับมาคึกคักอีกครั้งและหลายโครงการของผู้พัฒนารายใหญ่จะยังคงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีหรือบางโครงการอาจปิดการขายลงในระยะเวลาที่รวดเร็ว