วิกฤตยูเครนทำหุ้นร่วงกราวรูด คริปโทลด ทองพุ่ง
สถานการณ์สู้รบในยูเครนส่งผลกระทบกับตลาดเงินและตลาดทุนอย่างรุนแรง เมื่อสหรัฐอเมริกาส่งสัญญาณว่าอาจจะพิจารณาคว่ำบาตรด้านพลังงานต่อรัสเซีย ซึ่งยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ให้เลวร้ายลงไปอีก เนื่องจากรัสเซียเป็นประเทศผู้ผลิตพลังงานที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากซาอุดีอาระเบีย
ท่าทีดังกล่าวส่งผลให้ราคาน้ำมันเบรนท์ทะเลเหนือดีดตัวขึ้นไปแตะ 139 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนจะปรับลดลงมาอยู่ที่ 123 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อผู้นำยุโรปออกมาแสดงจุดยืนในทิศทางเดียวกันว่าไม่เอาด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว พร้อมกับยอมรับว่ายุโรปยังจำเป็นต้องพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย
สถานการณ์ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกพากันปรับตัวลดลงไปตามๆ กัน โดยตลาดวอลล์สตรีทของสหรัฐปรับลดลงมากที่สุดในรอบกว่าหนึ่งปี ซึ่งนอกเหนือจากปัญหาราคาน้ำมันแล้วยังมาจากแนวโน้มของอัตราเงินเฟ้อพี่ดูจะลากยาวออกไปจนครอบงำการเติบโตของเศรษฐกิจโลก
ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวลดลง 3% จึงถือเป็นการลดลงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 16 เดือน โดยลดลง 122.78 จุด มาปิดที่ 4,201.09 จุด ขณะที่ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 797.42 จุด หรือลดลง 2.4% มาปิดที่ 32,817.38 จุด
ด้านดัชนี Nasdaq ลดลง 482.48 จุด หรือลดลง 3.6% มาอยู่ที่ 12,830.96 จุด ซึ่งถือว่าลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับระดับสูงสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายนหรือลดลงถึง 20.1% ทำให้ขณะนี้ตลาดอยู่ในสภาวะที่เรียกว่า “ตลาดหมี” คือมีการลดลงของราคาหุ้นเป็นเวลานานและร่วงลงมากกว่า 20% เมื่อเทียบจากระดับสูงสุดในช่วงที่ผ่านมา
ด้านตลาดหลักทรัพย์ในยุโรปก็ปรับตัวลดลงไปตามๆ กัน โดยดัชนี FTSE100 ของอังกฤษลดลง 0.4% ขณะที่ดัชนี Cac40 ของฝรั่งเศสลดลง 1.3% ส่วนดัชนี DAX ของเยอรมนีได้รับผลกระทบมากที่สุดโดยปิดลดลง 2%
นักวิเคราะห์มองว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาดหลักทรัพย์น่าจะลากยาวต่อไป เนื่องจากสถานการณ์ความตึงเครียดในยูเครนยังคงดำรงอยู่ เช่นเดียวกับราคาน้ำมันที่ยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และหากสถานการณ์ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นเช่นนี้และลากยาวต่อไป ผลกระทบที่เกิดกับเศรษฐกิจโลกก็จะยิ่งมากขึ้นตามมาด้วย
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันรวมถึงความผันผวนในตลาดหุ้นส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นทะลุ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในระยะหนึ่ง ก่อนจะปรับรดลงมาเล็กน้อยปิดที่ 1,995.90 ดอลลาร์สารัทธ์ต่อออนซ์ หรือเพิ่มขึ้น 1.5%
ด้านสกุลเงินดิจิทัลก็พากันปรับลดลงไปด้วยเช่นกัน โดยบิทคอยท์ซื้อขายกันที่ 38,237.34 ดอลลาร์สหรัฐ หรือลดลง 0.31% ขณะที่อีเธอเรียมลดลง 0.73% ซื้อขายที่ 2.515.9 ดอลลาร์