จับตา Nvidia เตรียมเผยรายได้อาจสะท้อนผลกระทบจากข้อจำกัดการส่งออกชิปไปจีน

นักลงทุนจับตามองผลประกอบการของ Nvidia ที่จะประกาศในวันพุธที่ 28 พฤษภาคม 2025 หลังปิดตลาดสหรัฐฯ ซึ่งตรงกับเวลา 04:00 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม 2025 ตามเวลาประเทศไทย
ท่ามกลางความกังวลว่าข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ ต่อจีนอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทมากเพียงใด แม้ว่าการผ่อนคลายกฎระเบียบอื่น ๆ จะช่วยเปิดโอกาสในตลาดใหม่ๆ ก็ตาม
รัฐบาลสหรัฐฯ ออกมาตรการห้ามส่งออกชิป AI ให้จีน
ในช่วงเดือนที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐฯ ได้สั่งห้ามการส่งออกชิป AI รุ่น H20 ของ Nvidia ไปยังจีน ซึ่งอาจสร้างผลกระทบมูลค่าถึง 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 200,750 ล้านบาท
โดยเจนเซ่น หวง (Jensen Huang) ซีอีโอของบริษัท ระบุว่า Nvidia ได้ถอนยอดขายมูลค่าราว 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 491,850 ล้านบาท ออกจากตลาดจีนแล้ว หลังจากมาตรการควบคุมมีผลบังคับใช้
แม้ H20 จะเป็นชิปรุ่นเดียวที่ยังได้รับอนุญาตให้ขายในจีน ซึ่งปีที่แล้วคิดเป็น 13% ของรายได้ Nvidia แต่บริษัทก็ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดรายได้ของชิปรุ่นดังกล่าวอย่างชัดเจน
มุมมองจากนักวิเคราะห์ด้านการเงิน
นักวิเคราะห์จาก Wedbush แนะนำให้จับตาว่าบริษัท Nvidia จะสามารถเพิ่มยอดขายจากที่อื่นมาทดแทนการสูญเสียรายได้ในจีนได้หรือไม่ และประเมินว่า ในช่วงที่เหลือของปี Nvidia อาจสูญเสียรายได้ถึง 3,000-4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อไตรมาส หรือ 98,370-131,160 ล้านบาท และอาจสูงสุดถึง 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 147,060 ล้านบาท
แหล่งข่าวเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่าบริษัท Nvidia กำลังพัฒนาชิป AI รุ่นใหม่สำหรับตลาดจีน โดยใช้สถาปัตยกรรม Blackwell ล่าสุด แต่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอนาคตในตลาดจีนยังคงกดดันราคาหุ้นของบริษัท โดยในปีนี้ หุ้น Nvidia ลดลง 2% ซึ่งสวนทางกับการเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าในปีที่ผ่านมา
จิล ลูเรีย (Gil Luria) นักวิเคราะห์จาก DA Davidson ชี้ว่า "จีนเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดต่อผลประกอบการไตรมาสนี้ของ Nvidia"
โดยตามข้อมูลจาก LSEG คาดว่าบริษัท Nvidia รายงานรายได้ไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 66.2% อยู่ที่ 43.28 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.42 ล้านล้านบาท
ในขณะที่นักวิเคราะห์จาก Susquehanna ระบุว่า มาตรการจำกัดส่งผลกระทบต่อยอดขายในช่วงสามสัปดาห์สุดท้ายของไตรมาส คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 32,790 ล้านบาท
ล่าสุดเจนเซ่น หวง (Jensen Huang) แสดงความเห็นต่อมาตรการควบคุมของสหรัฐฯ ว่าเป็น “ความล้มเหลว” โดยระบุว่าการกีดกันดังกล่าวเพียงเร่งให้บริษัทจีนอย่าง Huawei พัฒนาชิปในประเทศได้รวดเร็วขึ้นเท่านั้น