ธุรกิจญี่ปุ่น "ล้มละลาย" พุ่งรอบ 12 ปี แรงงานขาด-เงินเฟ้อฉุด

บริษัทวิจัยเครดิต Tokyo Shoko Research เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนเมษายนถึงกันยายน 2568 จำนวนกิจการในญี่ปุ่นที่ล้มละลายเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน อยู่ที่ 5,172 ราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 จากปีก่อนหน้า ถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 12 ปี สำหรับช่วงครึ่งปีงบประมาณ

กิจการที่มีหนี้สินตั้งแต่ 10 ล้านเยนขึ้นไป ราว 2.1 ล้านบาท ได้รับผลกระทบมาก โดยกว่าร้อยละ 70 เป็นธุรกิจทุนต่ำกว่า 10 ล้านเยน หรือมีหนี้ไม่ถึง 100 ล้านเยน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการรายย่อยและ SMEs ที่เผชิญแรงกดดันจากต้นทุนและภาวะขาดแรงงาน

ยอดหนี้รวมของบริษัทที่ล้มละลายอยู่ที่ 692.7 พันล้านเยน ( 6 แสน 9 หมื่น 2 พัน 700 ล้านเยน) ลดลงเกือบร้อยละ 50 จากปีก่อน แต่อัตราการล้มละลายยังคงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกรณีที่เกิดจาก การขาดแคลนแรงงาน ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 202 กรณี สูงสุดตั้งแต่มีการบันทึกข้อมูลในปี 2556 ส่วนหนึ่งเกิดจากต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้นและพนักงานลาออกต่อเนื่อง

ภาวะเงินเฟ้อก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ โดยพบว่ามีธุรกิจล้มละลายจากผลกระทบของราคาสินค้าและพลังงานที่เพิ่มขึ้นถึง 369 ราย เพิ่มต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน โดยบริษัทที่พึ่งพาตลาดในประเทศ เช่น ร้านอาหารและบริการท้องถิ่น ได้รับผลกระทบหนักสุดจาก ค่าเงินเยนอ่อน ซึ่งทำให้ต้นทุนการนำเข้าเพิ่มสูง

ในเชิงอุตสาหกรรม ภาคบริการมีจำนวนกิจการล้มละลายมากที่สุดที่ 1,762 ราย เพิ่มขึ้น ร้อยละ 4.1 จากปีก่อน รองลงมาคือภาคก่อสร้างที่ได้รับแรงกดดันจาก ราคาวัสดุก่อสร้างสูง

นักวิเคราะห์ชี้ว่า สัญญาณนี้สะท้อนความเปราะบางของ ธุรกิจขนาดเล็กในญี่ปุ่น ที่ยังไม่สามารถปรับตัวรับแรงกดดันด้านต้นทุนและแรงงานได้ แม้เศรษฐกิจโดยรวมเริ่มฟื้นตัว ขณะที่ตลาดแรงงานตึงตัวและเงินเฟ้อสูงยังคงเป็นโจทย์สำคัญต่อความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจญี่ปุ่นในระยะต่อไป