รีเซต

นับถอยหลัง “วีซ่าฟรีถาวร” ไทย-จีน ดีเดย์ 1 มี.ค.ไทยพร้อมรับ นทท.?

นับถอยหลัง “วีซ่าฟรีถาวร” ไทย-จีน ดีเดย์ 1 มี.ค.ไทยพร้อมรับ นทท.?
TNN ช่อง16
24 กุมภาพันธ์ 2567 ( 12:02 )
36

เป็นที่ทราบกันดีว่า ก่อนการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ประเทศไทย ถือเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติจากทั่วโลก โดยเฉพาะ “นักท่องเที่ยวชาวจีน” ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่ใช้จ่ายเงิน สร้างรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจให้คนไทยอย่างมหาศาลในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่เมื่อทั่วโลกเผชิญวิกฤตทางด้านสาธารณสุขครั้งใหญ่  แน่นอนว่า ประเทศไทย ก็หลีกหนีไม่พ้นวิกฤตนี้  ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติหายไปอย่างสิ้นเชิง ทำให้รายได้จากการท่องเที่ยว ซึ่งเคยเป็น 1 ในเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยก็สะดุดลงเช่นกัน   จนทำให้ รัฐบาลภายใต้การนำของ นายกรัฐมนตรี เศรษฐา  ทวีสิน ต้องออกหลายๆมาตรการเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่ง 1 ในมาตรการสำคัญคือ “มาตรการวีซ่าฟรี” เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวกลับมาเยือนประเทศไทยเหมือนในอดีต 




จากข้อมูลของ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยสะสมตลอดปี 2566 (1 ม.ค. - 24 ธ.ค.2566) อยู่ที่ 27,252,488 คน ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้ แต่เมื่อจำแนกออกเป็นแต่ละประเทศ กลับพบว่า อันดับ 1 คือ นักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย เดินทางเข้าไทยมากที่สุดถึง 4,439,480 คน รองลงมา คือ นักท่องเที่ยวจีน อยู่ที่  3,418,732 คน, เกาหลีใต้ จำนวน 1,616,858 คน, อินเดีย จำนวน 1,587,090 คน และรัสเซีย จำนวน 1,428,985 คน  


ขณะเดียวกันรัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายการท่องเที่ยวของไทยในปี 2567 นี้ โดยวางแนวทาง ดึงดูดการท่องเที่ยวไทยทั้งตลาดในและต่างประเทศ ผ่านการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง การทำให้ประเทศไทยเป็น “High Season”  ตลอดทั้งปี เพิ่มการอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว เชื่อมต่อการเดินทาง และสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น พร้อมเพิ่มเป้าหมายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวปี 2567 ให้ได้ 3.5 ล้านล้านบาท (จากเดิม 3 ล้านล้านบาท) โดยแบ่งเป็นรายได้จากการท่องเที่ยวภายในประเทศ 1 ล้านล้านบาท และรายได้จากการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.5 ล้านล้านบาท และนักท่องเที่ยวจีนก็ถือเป็นเป้าหมายหลักที่คาดว่าจะเดินทางเข้าไทยมากกว่า 8.2 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศ 4.51แสนล้านบาท



อย่างไรก็ตาม ไทยและจีน จะครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ใกล้ชิด ระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งที่ผ่านมามีการแลกเปลี่ยนการเยือนในทุกระดับอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งมีการขยายความร่วมมือเชิงลึกในทุกมิติ ตอกย้ำด้วยการร่วมลงนามยกเว้น “วีซ่า” หรือ “วีซ่าฟรี” ระหว่างไทย - จีน อย่างถาวร  ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป 


การลงนาม “ฟรีวีซ่า ไทย-จีน” ในครั้งนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางความคาดหวังว่า จะส่งผลดีต่อทั้ง2 ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นในด้านการท่องเที่ยวระหว่างไทยและจีน กระตุ้นเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ ส่งเสริมด้านการค้า การลงทุน และความร่วมมือเชิงเศรษฐกิจอีกมากมาย รวมถึงส่งเสริมด้านความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีน



แต่กหาไปดูข้อมูลการเดินทางชาวจีนในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมา พบ่วา ชาวจีนจำนวนมาก เดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยว ยอดนิยมทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และข้อมูลที่น่าสนใจคือ ตัวเลขนักเดินทางและยอดการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวชาวจีนในประเทศสิงคโปร์ ไทย และมาเลเซีย  พุ่งแซงหน้าช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19  คาดว่า จะมัปัจจัยหนุนจาก นโยบายวีซ่าฟรี ที่หลายประเทศมอบให้แก่นักท่องเที่ยวชาวจีน ที่ช่วยกระตุ้นและส่งสัญญาณของการฟื้นตัวของการเดินทาง นับตั้งแต่ทางการจีนได้ยกเลิกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่รัดกุมในช่วงต้นปี 2023 



ขณะที่ข้อมูลจาก Trip.com เว็บไซต์จองโรงแรมและเที่ยวบินชื่อดังระบุว่า ยอดจองการเดินทางมายังประเทศสิงคโปร์ ไทย และมาเลเซีย โดยรวมระหว่างวันที่ 10 - 17 กุมภาพันธ์ 2567 เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 30  เมื่อเทียบกับปี 2562 ขณะที่จำนวนนักเดินทางชาวจีนในเกาะฮ่องกง มาเก๊า ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ ยังพบว่า ยอดจองโรงแรมในกรุงเทพระหว่างวันที่ 10 - 13 กุมภาพันธ์ 2567  เพิ่มขึ้น 3 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สะท้อนให้เห็นถึงจำนวนนักเดินทางที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการยกเว้นวีซ่า 


ส่วนข้อมูลจาก อาลีเพย์ แพลตฟอร์มการชำระเงินออนไลน์ชื่อดังของจีนเปิดเผยว่า ปริมาณการใช้จ่ายผ่านอาลีเพย์ในสิงคโปร์ ไทย และมาเซีย โดยรวมช่วงระหว่างวันที่ 9 - 12 กุมภาพันธ์ 2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ  7.5  เมื่อเทียบกับปี 2562 และเพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้วถึง 7 เท่า แน่นอนว่า ตัวเลขต่างๆ ของนักเดินทางชาวจีนที่เพิ่มขึ้นถือเป็นข่าวดีสำหรับหลายประเทศที่ต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวและยอดการใช้จ่ายของชาวจีน 



อย่างไรก็ตาม กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังจ่ายและรายได้สูง และกลุ่มนักท่องเที่ยวสูงอายุยังคงเป็นกลุ่มเป้าหมายของไทย แต่เนื่องด้วยสถานการณ์ที่อ่อนไหวต่างๆ เช่น ความกังวลเรื่องความปลอดภัยซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ชาวจีนให้ความสำคัญมาก ทำให้มีความเป็นห่วงว่า การเดินทางของชาวจีนอาจจะชะลอตัว อีกทั้งลักษณะการท่องเที่ยวของชาวจีนเองก็เปลี่ยนเป็นการเดินทางแบบทัวร์กลุ่มเล็กมากขึ้นหรือทัวร์แบบ No-shopping และนิยมเที่ยวเชิงคุณภาพมากขึ้น  แต่การที่นักท่องเที่ยวจีนมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปถือว่าเป็นโอกาสให้ไทยที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพเข้ามา ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวที่จะสร้างความยั่งยืน โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบ Middle to High Income ที่ยังคงมีกำลังในการจับจ่าย .... แต่ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า ประเทสไทย จะคว้าโอกาสเหล่านี้ได้อย่างไร











......................................................


เรียบเรียงโดย... ปุลญดา  บัวคณิศร

ข่าวที่เกี่ยวข้อง