ล้มตึงกลางศาล จำเลยไอเอส ถูกศาลเยอรมันจำคุกตลอดชีวิต
เอพี รายงานการตัดสินคดีของศาลเยอรมนี ทำให้สมาชิกกองกำลังรัฐอิสลาม หรือ ไอเอส ถึงกับเข่าอ่อนสลบกลางห้องพิจารณาคดี เมื่อได้ยินว่าต้องจำคุกตลอดชีวิต จากผลกรรมที่เคยล่ามเด็กหญิงชาวยาซิดีไว้กลางแดดจนร่างกายขาดน้ำและถึงแก่ความตาย
นายทาฮา อัล-จูมาลิลี ใช้แฟ้มกระดาษแข็งปิดหน้าระหว่างเดินเข้าศาลแฟรงค์เฟิร์ตในเยอรมนีซึ่งเป็นคนแรกในโลกที่ถูกตัดสินว่าฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชนกลุ่มน้อย
หนุ่มชาวอิรักวัย 29 ปี ถูกจับกุมตัวได้ที่กรีซและส่งตัวข้ามแดนมายังเยอรมนีเมื่อ 2 ปีก่อน ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติจนถึงแก่ความตาย อาชญากรรมสงคราม ช่วยเหลือและสนับสนุนอาชญากรรมสงคราม และทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต
อัล-จูมาลิลี และอดีตภรรยาชาวเยอรมันชื่อ เจนนิเฟอร์ เวนิสช์ “ซื้อ” ผู้หญิงและเด็กชาวยาซิดี ชนกลุ่มน้อยในอิรักเพื่อใช้งานในบ้านเยี่ยง “ทาส” ระหว่างอาศัยในเมืองโมซุล ซึ่งถูกไอซิสยึดครองในปี 2558
จากนั้น อัล-จูมาลิลีและภรรยาย้ายมาที่เมืองฟัลลูจาห์ ซึ่งลงโทษเด็กหญิงวัย 5 ขวบเพราะปัสสาวะรดที่นอน ด้วยการล่ามไว้นอกหน้าต่าง ท่ามกลางอุณหภูมิสูงถึง 50 องศาเซลเซียสจนเสียชีวิตเพราะขาดน้ำ
เมื่อเดือนที่แล้ว เวนิสช์ถูกตัดสินจำคุก 10 ปีจากคดีการเสียชีวิตของเด็กหญิงโดยแม่ของเด็กซึ่งรอดตายจากการถูกกักขังมาให้การต่อศาลทั้ง 2 ครั้ง
อมัล คลูนีย์ นักกฎหมายสิทธิมนุษยชนและภรรยาของจอร์จ คลูนีย์ นักแสดงฮอลลีวูด เป็นหนึ่งในทีมผู้แทนของแม่เด็กหญิงชาวยาซิดี แต่ไม่ได้มาขึ้นศาล
ชาวยาซิดีเป็นชนกลุ่มน้อยอาศัยทางตอนเหนือของอิรัก พูดภาษาเคิร์ดซึ่งถูกกลุ่มไอซิสข่มเหงรังแกมานานหลายปี ทั้งสังหารผู้ชายหลายร้อยคน ข่มขืนผู้หญิงและบังคับให้เด็กมาฝึกเป็นนักสู้
เมื่อเดือน พ.ค. นักสืบสวนพิเศษของสหประชาชาติรายงานว่ามีหลักฐานที่ชัดเจนว่าไอซิสฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยาซิดี
ส่วนนาเทีย นาฟเราโซฟ นักกฎหมายและสมาชิกเอ็นจีโอยาซดาซึ่งรวบรวมหลักฐานอาชญากรรมที่ไอซิสก่อกรรมทำเข็ญกับชาวยาซิดี กล่าวว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาวยาซิดีเพราะผู้กระทำผิดข้นศาลข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เห็นได้ชัดจากกรณีของอัล-จูมาลิลีที่เข้าร่วมกับไอซิสในปี 2556
ไม่สำคัญว่าก่ออาชญากรรมที่ไหนและใครทำ ขอขอบคุณอำนาจศาลที่ทำให้ผู้ทำผิดหลบหนีไม่ได้และจับมาขึ้นศาล
ก่อนหน้านี้ นางเจนนิเฟอร์ เวนิสช์ อดีตภรรยาสมุนไอซิส ถูกศาลมิวนิกตัดสินเมื่อเดือนที่แล้วว่ามีความผิดฐานก่อ อาชญากรรมต่อมนุษยชาติสองครั้งในรูปแบบของการเป็นทาส ช่วยเหลือและสนับสนุนการสังหารหญิงสาว รวมทั้ง เป็นสมาชิกองค์กรก่อการร้าย
สาวเยอรมันเปลี่ยนมาเข้าศาสนาอิสลามในปี 2556 และเดินทางมาอิรักเพื่อเข้าร่วมกับไอซิสและพบกับสามี
ทนายความกล่าวต่อผู้พิพากษาว่าหลังจากเด็กหญิงล้มป่วยและปัสสาวะรดที่นอน สามีของเวนิสช์ล่ามเด็กไว้นอกบ้านเป็นการทำโทษและปล่อยให้เด็กเสียชีวิตเพราะขาดน้ำท่ามกลางอากาศร้อนจัด โดยเธอไม่ได้ช่วยชีวิตเด็ก
คดีนี้ส่งไปยังศาลสูงของมิวนิกซึ่งเป็นคดีแรกในโลกที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มไอเอสและชาวยาซิดี เป็นจุดสูงสุดของสิ่งที่คิดว่าเป็นหนึ่งในความเชื่อมั่นครั้งแรกที่ใดก็ได้ในโลกที่เกี่ยวข้องกับการกดขี่ข่มเหงกลุ่มรัฐอิสลามในชุมชนยาซิดี
https://youtu.be/6fkR132_b54
ผู้พิพากษาไรน์โฮลด์ ไบเออร์ ตัดสินเวนิสช์ หลังจากกล่าวว่าเด็กช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ในสถานการณ์ดังกล่าวและเวนิสช์รู้แต่แรกว่าเด็กตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต
ด้านเวนิชส์กล่าวว่ากลัวว่าสามีจะผลักไปนอกบ้านหรือขังเธอบ้างและอ้างว่าคำให้การของ นอรา แม่เด็กหญิงไม่น่าเชื่อถือ อีกทั้ง ไม่มีหลักฐานว่าเด็กหญิงเสียชีวิตจริง หลังจากนำตัวส่งโรงพยาบาล
ขณะที่ทนายของเวนิสช์ขอให้ศาลสั่งให้จำเลยรอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี ฐานสนับสนุนองค์กรก่อการร้าย เนื่องจากสำนนึกผิด
เวนิสช์เปลี่ยนไปเป็นมุสลิมเมื่อปี 2556และออกจากบ้านเกิดในเยอรนีหลังจากนั้น 1 ปี โดยเดินทางผ่านตุรกีและซีเรียเพื่อไปยังจุดหมายปลายทางที่เมืองโมซุลของอิรัก
เธอผ่านการคัดเลือกให้เข้าสังกัดดตำรวจศีลธรรมฮิสบาห์กลางปี 2558 ทำหน้าที่ตรวจตราสวนสาธารณะในเมืองฟาลลูจาห์และโมซุลที่ไอซิสยึดครอง โดยพกปืนไรเฟิลจู่โจม AK-47 ปืนพกและเสื้อเกราะกันระเบิดระหว่างสอดส่องพฤติกรรมของชาวบ้านตามสวนสาธารณะที่ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลร์และบุหรี่
เดือน ม.ค. 2559 เวนิชส์ไม่ได้ปฏิบัติภารกิจของไอเอสและติดต่อขอเอกสารประจำตัวใหม่ที่สถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำตุรกีจึงถูกจับกุมและส่งตัวมายังเยอรมนี
ศาลเริ่มพิจารณาคดีของเธอในเดือน เม.ย. 2562 ซึ่งเป็นคดีแรกที่เกี่ยวเกับไอซิสกระทำการโหดเหี้ยมกับชาวยาซิดี
เยอรมนีตั้งข้อหาชาวเยอรมันและชาวต่างชาติหลายคนว่าเกี่ยวข้องกับอาญากรรมสงครามต่อมนุษยชาติที่เกิดขึ้นในต่างแดนโดยใช้หลัก “เขตอำนาจศาลตามหลักสากล” เพื่อให้ดำเนินกระบวนการยุติธรรมได้ แม้กระทำผิดในต่างแดน
เมื่อเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว เนอร์เทิน เจ. เป็นสาวเยอรมันอีกคนหนึ่งที่ถูกตั้งข้อหาเดียวกันระหว่างที่อาศัยในซีเรียในฐานะสมาชิกไอเอส
และเดือน ต.ค. ปีเดียววกัน ศาลเยอรมนีตัดสินหญิงชาวเยอรมัน-ตูนิเซีย ถูกตัดสินจำคุก 3 ปีครึ่งเพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้เด็กหญิงชาวยาซิดีเป็นทาสในซีเรีย
..............