ถอดบทเรียน “น้ำท่วมหาดใหญ่” เล็งพลิกถนนวงแหวนรอบเมือง เป็นโครงสร้างกันน้ำยุคใหม่!

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เดินทางร่วมประชุมที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 12 สงขลา อำเภอหาดใหญ่ เพื่อวางแผนรับมือและบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ พร้อมระบุว่า เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในเขตเมืองหาดใหญ่ครั้งนี้ เป็น “สัญญาณเตือนสำคัญ” ว่าโครงข่ายระบายน้ำเดิมของเมืองไม่สามารถรองรับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงรุนแรงได้อีกต่อไป
นายพิพัฒน์อธิบายว่า ปริมาณน้ำหลากจากรอบเมืองไหลเข้าสู่เขตเมืองพร้อมกันถึง 3 ทิศทาง ได้แก่
• ทิศตะวันออก จากเขาคอหงส์–เขาน้ำกระจาย
• ทิศตะวันตก จากอำเภอรัตภูมิ ผ่านคลอง ร.1, ร.3, ร.5 และคลองหวะ
• ทิศใต้ จากอำเภอสะเดา ผ่านคลองทุ่งหมอ–คลองทุ่งวัด
ขณะที่ทางระบายน้ำออกจากเมืองกลับมีเพียงเส้นทางเดียว คือการไหลผ่านคลองอู่ตะเภาสู่ทะเลสาบสงขลาทางทิศเหนือ ส่งผลให้ระดับน้ำในคลองหลักสูงกว่าตลิ่ง 2–3 เมตร สถานีสูบน้ำทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ และทำให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงในเขตเมืองชั้นใน
รองนายกรัฐมนตรีระบุว่า การแก้ปัญหาครั้งนี้จะไม่หยุดเพียงงานฟื้นฟูหลังน้ำลด แต่ต้อง “ถอดบทเรียนเชิงลึก” โดยทีมผู้บริหารกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะลงพื้นที่สำรวจทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำอย่างต่อเนื่อง พร้อมประชุมใกล้ชิดกับหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อวางแผนป้องกันในระยะยาวครอบคลุมถึงผังเมือง 20–30 ปีข้างหน้า เพื่อไม่ให้หาดใหญ่เผชิญเหตุการณ์ลักษณะนี้ซ้ำอีก
สำหรับแนวทางเร่งด่วน กระทรวงคมนาคมจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขยายความกว้าง–ความลึกของคลองหลัก เช่น คลอง ร.1, ร.3, ร.5, คลองเตย และคลองหวะ พร้อมติดตั้งและปรับปรุงประตูน้ำ–สถานีสูบน้ำในจุดยุทธศาสตร์ รวมถึงเปิดทางให้น้ำบางส่วนระบายออกทางคลอง ร.5 เพื่อลดการพึ่งพาการระบายผ่านคลองอู่ตะเภาเพียงเส้นเดียว
ส่วน แนวทางระยะยาว นายพิพัฒน์ระบุว่า กระทรวงคมนาคมเตรียมนำโครงการถนนวงแหวนรอบเมืองหาดใหญ่มาใช้เป็น “โครงสร้างหลักจัดการน้ำ” ควบคู่กับการจราจร ผ่านการสร้างคลองระบายน้ำขนาดใหญ่คู่ขนานตลอดแนวถนนวงแหวน มีความกว้างประมาณ 50 เมตร ลึก 4–5 เมตร พร้อมติดตั้งประตูน้ำและสถานีสูบน้ำเป็นช่วง ๆ เพื่อผลักดันน้ำออกสู่ทะเลสาบสงขลาได้รวดเร็วและเป็นระบบ โดยย้ำว่าการออกแบบถนนวงแหวนจะไม่ให้เป็นกำแพงกั้นน้ำ แต่ทำหน้าที่นำพาน้ำออกจากเมือง
เขายังเสนอให้โครงการนี้ยกระดับเป็น “โครงการบูรณาการระดับชาติ” ที่ต้องทำงานร่วมกันระหว่างอย่างน้อย 3–4 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อจัดทำ “แผนแม่บทระบบน้ำเมืองหาดใหญ่” แบบครบวงจร
นายพิพัฒน์ย้ำว่า เหตุการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ครั้งนี้จะไม่สิ้นสุดเพียงการเยียวยา แต่จะเป็นบทเรียนสำคัญให้ทั้งประเทศว่า การวางถนน วงแหวน คลอง และประตูน้ำต้องคิดเป็นระบบเดียวกัน เพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างยั่งยืน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
