เปิดวิธีการรับมือกับมนุษย์ที่มีพฤติกรรมชอบพูดแทรกด้วยจิตวิทยา
การถูก'พูดแทรก'เป็นเหตุการณ์ที่คนหลายคนต้องเจอในชีวิตประจำวัน ขณะเดียวกันมันก็ถูกใช้เป็นเทคนิคในการช่วงชิงพื้นที่ดีเบตทางการเมืองมานักต่อนักด้วยเช่นกัน
ในการอภิปรายก่อนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดนัลด์ ทรัมป์ขัดจังหวะ โจ ไบเดนมากกว่า 10 ครั้ง ต่อการตอบคำถามหนึ่งข้อ ของไบเดน
ในที่สุด ไบเดน ก็บอกกล่าวตรง ๆ ว่าทรัมป์เสียมารยาท “ช่วยหุบปากได้ไหม คุณผู้ชาย” หลังจากที่ทรัมป์ขัดจังหวะอย่างไม่หยุดหย่อน
คริส วอลเลซ พิธีกร ขอความร่วมมือทรัมป์อย่างน้อย 25 ครั้ง ให้ทรัมป์หยุดขัดจังหวะและปฏิบัติตามกฎการอภิปราย แต่ไม่เป็นผล ในที่สุดวอลเลซก็หยุดการอภิปราย และขอร้องให้ผู้สมัครหยุดขัดจังหวะซึ่งกันและกัน วอลเลซตะโกนว่า “ สุภาพบุรุษ ได้โปรดเถอะ!” แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล
สิ่งนี้ก็เพิ่งเกิดขึ้นในรายการ ระหว่าง น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พปชร. และ น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือน้องมายด์ กลุ่มมหานครเพื่อประชาธิปไตย ร่วมดีเบตหาทางออกฝ่าวิกฤตประเทศ ในวันที่ 28 ตค. 63 ที่ผ่านมา
มีผู้ให้ความเห็นจำนวนมากว่า ในบางช่วงบางตอน น.ส.ปารีณาได้พูดแทรกน้องมายด์อยู่เป็นระยะๆ จนน้องมายด์ต้องพูดออกมาว่า “ให้หนูพูดจบก่อนค่ะ แล้วค่อยแทรกนะคะ ขอให้หนูพูดจบก่อน”
ดูเหมือนการพูดแทรกจะถูกใช้เป็นเทคนิคในการช่วงชิงพื้นที่การดีเบตในเวทีทางการเมืองมานักต่อนัก เพราะทำให้ฝ่ายตรงข้าม เสียเวลา และต้องใช้สมาธิในการดึงประเด็นสำคัญในการสนทนากลับมา โดยต้องรับมือกับการถูกขัดจังหวะอยู่เสมออีกด้วย
รูปแบบของการพูดแทรก
การพูดแทรกเหล่านี้ โดยทั่วไปแล้วมีอยู่ 3 รูปแบบ ได้แก่
1.การพูดแทรกเพราะไม่เห็นด้วย และต้องการจะนำเสนอความคิดของตนเองที่ผู้แทรกเชื่อว่า เป็นความคิดที่ดีกว่า 2.การช่วงชิงการพูดของคนอื่น ด้วยการพูดเสียงดัง และตัดจังหวะ 3.การนำเอาคำพูดของผู้พูดไปสรุปอย่างรวบรัด แล้วเล่าถึงความคิดของตนเอง
ไม่ใช่แค่ในการดีเบตในเวทีการเมือง แต่ในชีวิตประจำวัน คุณเองก็เคยมีคนรู้จักที่ชอบพูดแทรกแล้วมีพฤติกรรมตรงตาม 3 ข้อนี้ใช่ไหม มันคงน่าหงุดหงิดเป็นแน่ แต่การทำหน้าเซ็งกลับไป อาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด เพราะบางครั้งการพูดแทรกไม่ได้ทำเพื่อจุดประสงค์ที่ไม่ดีเสมอไป
บางครั้งคนที่พูดแทรกคุณ อาจจะรู้สึกร่วมหรือ 'อิน' กับสิ่งที่คุณเล่ามากเสียจนอยากแสดงความคิดเห็น อยากเพิ่มเสริมหรือช่วยแก้ไขใจความให้ประโยคของคุณสมบูรณ์มากขึ้น
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีคนประเภทที่พูดแทรก ด้วยเหตุผลที่ไม่น่าให้อภัย คนประเภทที่ว่า ก็ดูเหมือนคนใจร้อนที่ต้องการจะมีพื้นที่การพูดของตนเองแต่ไปเบียดบังการพูดของคนอื่น
วิธีการรับมือกับคนที่พูดแทรกอย่างมีอารยะ
1.ปล่อยมันไป ถ้าคุณรู้สึกว่าการพูดแทรกครั้งนั้นไม่ได้มาเพื่อส่งเสริมการพูดของคุณ จงเลือกที่จะพูดเรื่องที่คุณกำลังตั้งใจพูดต่อจนจบ ให้ตั้งมั่นในจุดประสงค์การพูดของคุณ
2.หากคุณคาดว่า ในการพูดครั้งนั้นจะมีการพูดแทรกอย่างแน่นอน การพูดขอความร่วมมืออาจช่วยลดการพูดแทรกไปได้บ้าง ด้วยการกล่าวล่วงหน้าว่า ขอความกรุณาฟังจนจบแล้วค่อยถกเถียงหรือเสริมกันในตอนที่พูดจบ และหากมีการพูดแทรกขึ้นมา ให้คุณย้ำกลับไปว่า “อย่างที่ได้เคยบอกไว้ในตอนต้น” ดังนั้นขอคุณพูดให้จบก่อน
3.คุณอาจหันไปบอกกับผู้พูดแทรกว่า ขอเวลาสักครู่นะ หรือคุณสามารถที่จะพูดต่อไปเลยประหนึ่งว่าไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด สิ่งนี้อาจดูเหมือนเป็นการต่อสู้ แต่ถ้าคนอื่นกำลังตั้งใจรับฟังคุณอยู่ พวกเขาอาจรู้สึกชื่นชมความตั้งใจของคุณด้วยซ้ำ
4.คุณอาจลองหันไปหาคนอื่น ๆ ในวงสนทนานั้นแทน แล้วถามคำถามพวกเขาดู ให้บทสนทนาไปอยู่กับคนอื่นแทนสักครู่ เพื่อเปิดพื้นที่ให้คนในกลุ่มสนทนาได้เสนอความคิดเห็น
ถ้าหากว่า การพูดแทรกนั้นมีประโยชน์ คุณอาจให้คุณค่าเขาด้วยการถามคำถามเขากลับไปสักเล็กน้อย และนำสิ่งที่เขาตอบกลับมาเข้าสู่ประเด็นที่คุณกำลังจะพูด การทำเช่นนี้จะทำให้บทสนทนาดูรุ่มรวยมากยิ่งขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม ไบเดน หรือ ทรัมป์ อาจจะไม่ได้แต้ม หรือได้ผู้สนับสนุนเพิ่ม หากพวกเขาเดินออกจากเวทีอภิปรายทางการเมืองนั้นไป แต่สำหรับการถูกพูดแทรกในชีวิตประจำวัน หากคุณไม่ได้อยู่ในภาระการงาน คุณก็สามารถออกจากการสนทนานั้นได้ คุณมีสิทธิ์ที่จะออกจากตรงนั้น เพื่อหยุดการให้เกียรติคนที่พูดแทรกคุณ อย่าลืมมองเข้าไปในตาเขา แล้วพูดว่า "ขอบคุณที่ได้พูดคุยกัน" เพื่อเป็นสัญญาณว่าคุณจะออกจากการสนทนาอย่างสุภาพ แล้วเดินออกจากตรงนั้นอย่างมั่นใจ
ขอบคุณข้อมูล
How To Talk To People Who Constantly Interrupt (And Why They Do It)
How to Deal With People Who Interrupt
บก.ลายจุด โพสต์หลังดูดีเบต ชี้ ‘มายด์’ ตั้งการ์ดเกินไป แม้ ‘ปารีณา’ เนื้อหาด้อย แต่เก๋าเกม