จับตาเศรษฐกิจปี 2564 โลกฟื้น...ไทยฟื้น?
ช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีของเศรษฐกิจไทย หรือ แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ จากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อการส่งออกของไทย แต่การส่งออกจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้มากน้อยแค่ไหน และมีปัจจัยเสี่ยงอะไรที่อาจทำให้เศรษฐกิจไทยไม่ฟื้นตามเศรษฐกิจโลก
หากดูการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจโลกของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงล่าสุดเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีการปรับมุมมองเศรษฐกิจดีขึ้นต่อเนื่อง โดยไอเอ็มเอฟคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้จะหดตัว 4.4% และขยายตัว 5.2% ในปีหน้า
ทั้งนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก นำโดยสหรัฐ และจีน โดยไอเอ็มเอฟ คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐปีนี้จะหดตัว 4.3 % และเติบโต 5.2% ในปีหน้า เศรษฐกิจยูโรโซนปีนี้หดตัว 8.3% และปีหน้าขยายตัว 5.2% ญี่ปุ่นปีนี้จีดีพีหดตัว 5.3% และปีหน้าขยายตัว 2.3% กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ปีนี้หดตัว 3.3% และปีหน้าขยายตัว 6.% ส่วนจีนปีนี้ขยายตัว 1.9% และปีหน้า 8.2%
ล่าสุดเมื่อวานนี้ องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ หรือ โออีซีดี เพิ่งประกาศปรับประมาณการเศรษฐกิจโลกปีนี้หดตัว 4.2% และกลับเติบโต 4.2% ในปีหน้าเนื่องจากมีความคืบหน้าเรื่องวัคซีนต้านโควิด-19 ทำให้ความเชื่อมั่นมีเพิ่มขึ้น
สำหรับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจยังมีสัญญาณบวก จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่และการกระจายวัคซีนจะช่วยเสริมการฟื้นตัวต่อเนื่อง
โดยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯทยอยปรับตัวดีขึ้นโดยเฉพาะดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งดัชนีภาคการผลิตที่แตะระดับสูงสุดในรอบ 68 เดือน รวมถึงดัชนีภาคบริการที่เพิ่มสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 5 ปี ขณะเดียวกันยังมีความคืบหน้าเกี่ยวกับวัคซีนโดยคาดว่าจะเริ่มฉีดแก่ประชาชนกลุ่มแรกประมาณสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนธันวาคมและอาจกระจายวัคซีนให้กับประชาชนถึง 70% ภายในเดือนพฤษภาคม 2564
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยังส่งสัญญาณยอมให้ถ่ายโอนอำนาจแก่นายไบเดน และหากนายไบเดนสามารถออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตั้งแต่ช่วงต้นปีหน้าจะช่วยให้การฟื้นตัวมีความต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจสหรัฐฯอาจเผชิญปัจจัยกดดันการฟื้นตัวทั้งจำนวนผู้ยื่นขอรับสิทธิสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 21 พฤศจิกายนเพิ่มต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สองสู่ระดับ 7.78 แสนราย สะท้อนความเปราะบางของตลาด แรงงาน
สถานการณ์การแพร่ระบาดยังคงมีความรุนแรงมากขึ้นโดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งเกิน 2 แสนรายต่อวัน ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อสะสมสูงถึง 13 ล้านราย และ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเดือนตุลาคมมีสัญญาณชะลอตัวลงและยังคงห่างจากกรอบเงินเฟ้อเป้าหมายที่ 2% ส่วน Dot plot ของเฟดบ่งชี้ว่าในช่วงปี 2564 นั้น อัตราเงินเฟ้อจะยังอยู่ต่ำกว่าเป้าหมาย คาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างน้อยไปจนถึงสิ้นปี 2566
ขณะที่ เศรษฐกิจจีนยังทยอยปรับตัวดีขึ้น ภาครัฐส่งสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง กำไรของบริษัทภาคอุตสาหกรรมเดือนตุลาคมขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 สาขาอุตสาหกรรมที่มีผลกำไรขยายตัวดี ได้แก่ เครื่องจักรกล การแปรรูปสินค้าเกษตร อิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ และยานยนต์ ขณะที่การผลิตในอุตสาหกรรมน้ำมันยังหดตัวตามอุปสงค์ที่ต่ำกว่าช่วงก่อนการระบาด
เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวต่อเนื่องเป็นผลจากการดำเนินนโยบายเพื่อจัดการกับวิกฤตที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนระบุว่าจีนจะยังคงใช้นโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืนต่อไปในปีหน้า ขณะเดียวกันจำเป็นต้องกำกับดูแลบางภาคส่วนที่เริ่มมีสัญญาณความเสี่ยง ซึ่งล่าสุดรัฐวิสาหกิจบางแห่งมีปัญหาการผิดนัดชำระหนี้พันธบัตร แต่ขนาดของปัญหาดังกล่าวยังคงเล็กมากคิดเป็นเพียง 0.46% ของมูลค่าพันธบัตรรัฐวิสาหกิจทั้งหมด
ด้านตลาดส่งออกพบว่าการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ เติบโตสูงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 และมีการฟื้นตัวกลับมาขยายตัวได้ในบางตลาด อาทิ เอเชียใต้ และออสเตรเลีย ขณะที่ตลาดจีนกลับมาติดลบแต่อาจเป็นผลจากช่วงสัปดาห์หยุดยาวของจีนที่นานกว่าปีก่อน (Golden week) และตลาด CLMV ที่ติดลบมากขึ้นจากผลกระทบของการกลับมาแพร่ระบาดระลอกใหม่ของ โควิด-19
วิจัยกรุงศรีประเมินภาคส่งออกมีแนวโน้มฟื้นตัวและจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในยามที่ไทยกำลังเผชิญปัจจัยลบภายในประเทศ ซึ่งล่าสุดได้ปรับคาดการณ์มูลค่าการส่งออกในปี 2563 (บนฐานตัวเลขของกระทรวงพาณิชย์) คาดว่าจะหดตัว -7.0% จากเดิมคาด -10.5% และมีแนวโน้มกลับมาขยายตัวได้ 4.0% ในปี 2564 เนื่องจาก 1. แรงส่งเชิงบวกจากการฟื้นตัวของการส่งออกสินค้าสำคัญใน 10 อันดับแรกและการนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลาง
2.ความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับเวชภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการแพร่ระบาดของ โควิด-19 และนโยบายการทำงานจากที่บ้าน
3. แนวโน้มการฟื้นตัวตามวัฏจักรของภาคการผลิตทั่วโลก ซึ่งนำโดยการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศแกนหลักท่ามกลางมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ สอดคล้องกับองค์การการค้าโลก (WTO) คาดปริมาณการค้าโลกปี 2564 จะขยายตัวที่ 7.2% จาก -9.2% ในปี 2563
4. การขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของกลุ่มอาเซียน (ล่าสุดการทำข้อตกลง RCEP) และการพึ่งพากันภายในภูมิภาคมากขึ้น (Regionalization) จะเพิ่มโอกาสให้แก่ภาคการผลิตและการส่งออกของไทยในระยะถัดไป
สำหรับภาคการท่องเที่ยว แม้เดือนตุลาคมเริ่มมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย แต่คาดว่ายังมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ช้าในปีหน้า หลังจากทางการไทยมีนโยบายเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติภายใต้โครงการวีซ่านักท่องเที่ยวพิเศษ (STV) ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนตุลาคมขยับขึ้นจากที่เคยเป็นศูนย์ติดต่อกันนาน 6 เดือนนับตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 1,201 คน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากจีน 471 คน อาเซียน 252 คน และยุโรป 116 คน
ทำให้ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2563 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 6.7 ล้านคน ลดลง 79.4% YoY
แม้จะเริ่มมีนักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยเดินทางเข้ามาไทยบ้าง แต่ยังนับว่ามีจำนวนเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยราว 3.4 ล้านคนต่อเดือนในไตรมาส 4/2562
วิจัยกรุงศรีจึงยังคงคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2563 อยู่ที่ 6.7 ล้านคน และในปี 2564 ภาคท่องเที่ยวจะยังมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ช้ากว่าภาคเศรษฐกิจอื่นๆ โดยคาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงเหลือเพียง 4 ล้านคน เนื่องจากยังมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์แพร่ระบาด การเปิดประเทศด้วยการจับคู่เดินทางที่มีความล่าช้าอยู่ และมาตรการควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศที่ยาวนานกว่าที่คาดท่ามกลางการระบาดรอบ 2 และรอบ 3 ของประเทศสำคัญทั่วโลก แม้มีข่าวดีเกี่ยวกับความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีน แต่แนวโน้มการเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะยังไม่เกิดขึ้นจนถึงไตรมาส 4/2564 ซึ่งเป็นช่วงที่คาดว่าคนทั่วโลกจะได้รับวัคซีนอย่างแพร่หลาย
อย่างไรก็ดี แม้แนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว จะทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวตาม แต่ ดร.สมประวิณ มันประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานวิจัยและหัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยาประเมินว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยรอบนี้ยังกระจุกอยู่ที่กลุ่มผู้ส่งออก ยังไม่กระจายในวงกว้าง และมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไทยอาจจะไม่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ
สำหรับการประมาณการเศรษฐกิจไทยของศูนย์วิจัยหลายแห่งล่าสุดได้ทยอยปรับจีดีพีไทยในปีนี้และปีหน้าในทิศทางที่ดีขึ้น หลังจากเห็นตัวเลขจดีพีไตรมาส3/2563 ดีเกินคาดหดตัวเพียง -6.4% จาก 12.1% ในไตรมาส2/2563 ประกอบการทิศทางเศรษฐกิจโลกที่มีสัญญาณค่อยๆฟื้นตัว
ดังนั้นหากเศรษฐกิจโลกฟื้น เศรษฐกิจไทยน่าจะฟื้น แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะไม่ฟื้นหากไม่ปรับตัว
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
facebook live : TNN Live
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNThailand
Instagram : @tnn_online
TIKTOK : @tnnonline