ออสเตรเลียชี้ 'ชายป่วยโควิด-19' รายล่าสุด มีแนวโน้ม 'ติดเชื้อขณะกักตัว'
ซิดนีย์, 12 พ.ค. (ซินหัว) -- หน่วยงานสาธารณสุขในรัฐวิกตอเรียของออสเตรเลีย เชื่อว่าผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) รายใหม่ล่าสุด มีแนวโน้มว่าจะติดเชื้อขณะกักตัวในรัฐเซาธ์ออสเตรเลีย (SA)
ชายชาววิกตอเรียคนดังกล่าวซึ่งมีอายุ 30 กว่าปี เดินทางจากอินเดียผ่านมัลดีฟส์และสิงคโปร์ กลับสู่ออสเตรเลีย และกักตัวนาน 2 สัปดาห์ที่โรงแรมในเมืองแอดิเลด รัฐเซาธ์ออสเตรเลีย โดยนักท่องเที่ยวที่กักตัวอยู่ในห้องพักถัดจากเขา มีผลตรวจโรคโควิด-19 เป็นบวกในวันที่ 4 พ.ค. ทำให้ผู้ป่วยชายรายนี้ เป็นผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในท้องถิ่นรายแรก ในรอบ 73 วัน
ชายรายนี้ บินกลับออสเตรเลียด้วยเที่ยวบิน เจคิว771 (JQ771) ของสายการบินเจ็ตสตาร์ (Jetstar) เมื่อวันที่ 4 พ.ค. และเริ่มมีอาการเมื่อวันที่ 8 พ.ค. และมีผลตรวจเป็นบวกในวันจันทร์ (10 พ.ค.) โดยขณะนี้กำลังกักตัวอยู่ที่บ้านของตนเองในนครเมลเบิร์น
บุคคลในครอบครัวที่มีการติดต่อสัมผัสกับเขา ทั้ง 3 คน มีผลตรวจเป็นลบ และไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ในรัฐวิกตอเรีย ในช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ช่วงเช้าวันพุธ (12 พ.ค.) เบรตต์ ซัตตัน (Brett Sutton) หัวหน้าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของรัฐวิกตอเรีย เปิดเผยว่าตนมั่นใจว่าชายคนนี้ติดโรคโควิด-19 ในรัฐเซาธ์ออสเตรเลีย แต่ก็กำลังรอผลการทดสอบดีเอ็นเอในยีนเพื่อยืนยันการเชื่อมโยงนี้
ขณะเดียวกัน หน่วยงานฯ ได้เปิดเผยสถานที่ 7 แห่งในเมลเบิร์น ที่มีโอกาสแพร่เชื้อไวรัสฯ เพราะชายคนนี้เคยไปเยือนระหว่างวันที่ 4-8 พ.ค.
ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขใช้การแถลงข่าว เพื่อผลักดันข้อเสนอของรัฐวิกตอเรียที่จะสร้างศูนย์กลางการกักตัวในเขตชานเมืองทางตอนเหนือของเมลเบิร์น
"รัฐวิกตอเรียได้เสนอทางเลือกที่ต้องใช้เงินทุน สมเหตุสมผล และปรับเปลี่ยนขนาดได้ (สำหรับการกักตัวในโรงแรม) และผมหวังว่าเครือจักรภพจะสนับสนุนทางเลือกนั้น" เขากล่าว
อย่างไรก็ดี ในงบประมาณของรัฐบาลกลางที่ประกาศเมื่อคืนวันอังคาร (11 พ.ค.) ไม่ได้มีการจัดสรรเงินทุนสำหรับจัดตั้งสถานที่ดังกล่าว แต่ในวันพุธ (12 พ.ค.) นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสันพิจารณาว่าเป็น "ข้อเสนอที่ดีมาก"