ลูกเผาบ้าน แม่วิ่งหนีตาย ยังถูกขู่จะตามมาทำร้ายถึงชีวิต สุดทนแจ้งตำรวจจับ
หนุ่มเผาบ้าน แม่วิ่งหนีรอดตาย เผยสะเทือนใจ ก่อนหน้าเคยกระโดดถีบพ่อมาแล้ว แถมเคยขู่ฆ่าแม่ วอนตำรวจจับกุม
วันที่ 8 มี.ค. 65 ร.ต.อ.เวชยันต์ หิรัญญสุวรรณ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองตรัง รับแจ้งเหตุชายคลั่งเผาบ้านตัวเอง ภายในซอยไม่มีชื่อ ถนนศรีตรัง 1 ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสามูลนิธิกุศลสถานตรัง และประสานรถน้ำดับเพลิงสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลนครตรัง
ที่เกิดเหตุเข้ามาในซอยประมาณ 50 เมตร พบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านปูนชั้นเดียว มีแสงเพลิงกำลังลุกไหม้อยู่บนเศษผ้าและกองหนังสือกำลังจะลามขึ้นฝ้าเพดาน เจ้าหน้าที่เร่งลากสายฉีดน้ำสกัดเพลิงใช้เวลาไม่นานจึงสามารถดับเพลิงได้ ตรวจสอบความเสียหายเบื้องต้น พบกองหนังสือและเสื้อผ้าเสียหายทั้งหมด ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อคือนายเอกรัตน์ อายุ 27 ปี หลังเกิดเหตุได้หลบหนีไป
นายชยุทธ์ อายุ 32 ปี กล่าวว่า ผู้ก่อเหตุเป็นน้องชาย บ้านอยู่ติดกับตน ก่อนเกิดเหตุตนนั่งอยู่หน้าบ้าน ก่อนเข้าไปคุยโทรศัพท์กับแฟนสาวได้ไม่นานก็เห็นน้องจุดไฟเผาบ้านไปแล้ว ก่อนหน้าตนก็ไม่เห็นว่ามีอาการผิดปกติอะไร เรื่องยาเสพติดก็เสพบ้าง ส่วนที่ทำไปตนคิดว่าน่าจะเกิดจากความเครียดส่วนตัว
ด้าน นางกุลนรี อายุ 55 ปี แม่ผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า ตนอาศัยอยู่ในละแวกบ้านใกล้ลูกชาย ขณะนั้นตนกำลังทำกับข้าวอยู่ ก่อนที่เพื่อนบ้านมาบอกว่าลูกชายเผาบ้านอีกแล้ว ตนจึงรีบวิ่งออกมาดูเมื่อวานนายเอกรัตน์ก็ได้เผาบ้านไปแล้วแต่ช่วยกันดับทัน ภายในบ้านของลูกชายก็ไม่มีทรัพย์สินอะไรมากเนื่องจากโดนเผาไปหลายรอบแล้ว มีเศษกระเบื้อง เศษหลอกไฟตกอยู่ไปทั่ว
ลูกชายมีพฤติกรรมทำลายข้าวของทุกันจากฤทธิ์ยาเสพติด เมื่อ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาก็เคยกระโดดถีบสามีตนซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ ขณะกำลังย่างแหนมอยู่หน้าบ้าน ซึ่งไม่มีใครรู้สาเหตุว่าทำไปทำไม ตนก็เคยโดนเขวี้ยงจานใส่ ช่วงหลังมีอาการหนักขึ้นเรื่อย ๆ ตนเริ่มทนไม่ไหว
ตอนนี้ยอมรับว่ากลัวลูกชายตัวเอง ครั้งหนึ่งเคยพูดกับตนว่าถ้าทำอะไรตนจะฆ่าให้ตายให้หมด ตนจึงบอกกลับไปว่า แม่ตายคนเดียวแต่หลานอีก 2 คนที่เป็นลูกของนายเอกรัตน์ใครจะเลี้ยง อยากให้ตำรวจจับกุมดำเนินคดีและส่งไปรักษา เพราะเคยก่อเหตุมาหลายครั้งแล้ว
เบื้องต้นจากการตรวจสอบประวัติผู้ก่อเหตุ พบว่าเคยถูกจับกุมในคดีลักทรัพย์มา ก่อนเกิดเหตุครั้งนี้อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวนจะสอบปากคำผู้เห็นเหตุการณ์และพยานแวดล้อม ก่อนเร่งติดตามตัวนายเอกรัตน์มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป