"หน้ากาก N95" ล็อตใหม่กว่า 2 แสนชิ้น ทยอยถึงมือบุคลากรแพทย์แล้ว
องค์การเภสัชกรรมส่ง “หน้ากาก N95” ล็อตใหม่กว่า 2 แสนชิ้น พร้อมชุด PPE แบบซักฆ่าเชื้อให้บุคลากรทางการแพทย์ใช้ เผยทดแทนได้ 8 แสนครั้ง/ชุด
องค์การเภสัชกรรม- เมื่อวันที่ 10 เมษายน นพ.โสภณ เมฆธน ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม (บอร์ด อภ.) เปิดเผยว่า เช้าวันนี้บริษัท 3M ได้จัดส่งหน้ากาก N95 เข้าในคลัง อภ.สำนักงานใหญ่ และที่คลังบางนาแล้วจำนวน 2 แสนชิ้น พร้อมได้มีการกระจายให้กับโรงพยาบาลต่างๆ ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทันที โโยวันนี้ได้ส่งให้กับสำนักงานสาธารณสุข (สสจ.) 76 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อใช้ในโรงพยาบาลในพื้นที่ โรงพยาบาลในเขตกรุงเทพมหานครทั้งของรัฐและเอกชน 73 แห่ง จำนวนรวมทั้งสิ้น 1.47 แสนชิ้น และส่วนที่เหลือจะเร่งทยอยจัดส่งให้โรงพยาบาลอื่นๆ เพิ่มเติมต่อไป
นพ.โสภณ กล่าวว่า ตามการจัดสรรของศูนย์ปฏิบัติการกระจายเวชภัณฑ์ในภาวะการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ที่จัดสรรตามจำนวนของผู้เข้าข่ายติดเชื้อและลักษณะของระดับอาการของผู้ป่วย โดยจะพิจารณาใช้ใน 2 กรณีหลัก คือ กรณี PUI Case: Patients under investigated ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเชื้อระบบทางเดินหายใจส่วนบนที่ต้องสอบสวนโรคและเฝ้าระวัง จะใช้ประมาณ 5 ชิ้น/ Case/วันหรือครั้ง และกรณี Confirmed Case ซึ่งเป็นผู้ป่วยที่ยืนยันติดเชื้อโควิด-19 ใช้ประมาณ 15 ชิ้น/Case/วันหรือครั้ง
“นอกจากนั้น ในวันนี้ยังได้มีการจัดส่งหน้ากาก face mask N95 จำนวนกว่า 51,200 ชิ้น และชุดป้องกันตนเอง PPE แบบ Protective suits จำนวน 10,020 ชุด ที่ได้รับบริจาคจากมูลนิธิแจ็ค หม่า และมูลนิธิอาลีบาบา ให้แก่ 79 โรงพยาบาล ด้วย” นพ.โสภณ กล่าวและว่า อภ.มีแผนจัดหาหน้ากาก N95 และ ชุด PPE ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง จึงขอให้ผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ติดต่อที่ฝ่ายบริหารพัสดุและกระจายผลิตภัณฑ์ โทร.0 2203 8960 และ 0 2203 8380 เพื่อเสนอผลิตภัณฑ์สำหรับการจัดซื้อจัดหาตามกระบวนการต่อไป
ประธานบอร์ด อภ. กล่าวต่อไปว่า หน้ากาก N95 และ ชุด PPE ประเทศไทยต้องหาทางพึ่งพาตัวเองด้วย โดยในระยะยาวนั้น อภ.กำลังพิจารณาแนวทางแสวงหาความร่วมมือจัดตั้งโรงงานเพื่อผลิตหน้ากาก N95 และ ชุด PPE เพื่อความมั่นคงของประเทศ ส่วนในระยะสั้นสำหรับสถานการณ์โควิด-19 นี้ ได้มีการหารือร่วมกับสถาบันสิ่งทอไทยในการผลิตชุด PPE ใช้เอง โดยจะมีการใช้ผ้าโพลีเอสเตอร์ 100% เคลือบสารกันน้ำ ซึ่งได้รับรายงานว่ามีผ้าในสต๊อกที่สามารถตัดเย็บได้ 40,000 ชุด อยู่ระหว่างตัดชุดต้นแบบเพื่อทดสอบคุณภาพความทนต่อแรงดันน้ำ ตะเข็บเย็บต้องไม่รั่วและทนต่อแรงดันน้ำเช่นกัน และเนื่องจากเป็นผ้าจึงสามารถนำมาฆ่าเชื้อกลับมาใช้ซ้ำได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการทดสอบของ รพ.ศิริราช และสถาบันบำราศนราดูร
“เบื้องต้นพบใช้ซ้ำได้ 20 ครั้ง รวมทั้งทดสอบว่าสามารถทนต่อแรงดันน้ำได้หรือไม่ ทั้งนี้ ชุดที่ตัดขึ้นหากผ่านการทดสอบคุณภาพและการใช้ซ้ำแล้ว จะทำให้สามารถมีชุดป้องกันทดแทนได้ถึง 800,000 ชุด/ครั้ง ซึ่งจะนำมาใช้กับภารกิจดูแลผู้ป่วยที่ไม่ใช่ผู้ป่วยหนักต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ” นพ.โสภณ กล่าว
ด้าน นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการ อภ. กล่าวถึงการจัดซื้อหน้ากาก N 95 และชุด PPE ว่า อภ.ได้ดำเนินการจัดซื้อจากผู้ผลิตทั้งในและต่างประเทศหรือตัวแทนจากบริษัทต่างประเทศ โดยหน้ากาก N95 มีผู้ผลิตในประเทศอยู่เพียง 1 ราย ซึ่งเป็นบริษัทได้รับการส่งเสริมการลงทุนไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นบริษัทจึงดำเนินการผลิตหน้ากากอนามัยทางการแพทย์สำหรับการส่งออกทั้งหมด และส่วนใหญ่จะผลิตภายใต้ลิขสิทธิ์ของผู้จ้างผลิต ในส่วนของ ชุด PPE ไม่มีบริษัทที่ผลิตอยู่ในประเทศไทย จึงจำเป็นต้องสั่งซื้อจากผู้ผลิตในต่างประเทศเท่านั้น
นพ.วิฑูรย์ กล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลก ทำให้ทุกประเทศมีความต้องการใช้หน้ากาก N95 และ ชุด PPE จำนวนมากขึ้นรวมทั้งประเทศไทยด้วย การตลาดอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์โควิด-19 มีความผันผวนสูงทั้งในเชิงปริมาณและราคาของผลิตภัณฑ์รวมถึงคุณภาพด้วย แต่ด้วยความร่วมมือและจากการประสานของทุกฝ่าย ทำให้อภ. สามารถจัดซื้อหน้ากาก N95 และชุด PPE ได้ให้มีใช้อย่างเพียงพอต่อเนื่อง
สำหรับแผนการรับและจัดส่งในเดือนเมษายน 2563 เป็นดังนี้ หน้ากาก N95 รวมทั้งหมด 863,520 ชิ้น แบ่งเป็น วันที่ 10 เมษายน 2563 จำนวน 203,520 ชิ้น วันที่ 15 เมษายน 2563 จำนวน 150,000 ชิ้น วันที่ 30 เมษายน 2563 จำนวน 510,000 ชิ้น
ชุด PPE (Coverall/Surgical Gown) พร้อมอุปกรณ์จำเป็นครบชุด รวมทั้งหมด 516,250 ชุด วันที่ 10 เมษายน 2563 จัดส่ง Coverall จำนวน 40,000 ชุด วันที่ 15 เมษายน 2563 จัดส่ง Surgical Gown จำนวน 240,000 ชุด วันที่ 17 เมษายน 2563 จัดส่ง Surgical Gown จำนวน 20,000 ชุด และวันที่ 30 เมษายน 2563 ชุด Surgical Gown จำนวน 100,000 ชุด และ Coverall จำนวน 116,250 ชุด