รีเซต

"กรุงศรี" คาดเงินบาทซื้อขายกรอบ 33.20-33.80 จับตารายงานประชุมเฟด

"กรุงศรี" คาดเงินบาทซื้อขายกรอบ 33.20-33.80 จับตารายงานประชุมเฟด
ทันหุ้น
4 เมษายน 2565 ( 12:49 )
79
"กรุงศรี" คาดเงินบาทซื้อขายกรอบ 33.20-33.80 จับตารายงานประชุมเฟด

ข่าววันนี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่าเงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.20-33.80 บาท/ดอลลาร์เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมาเงินบาทปิดแข็งค่าที่ 33.46 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 33.19-33.80 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ในเดือนมีนาคม เงินบาทอ่อนค่าลง 1.9% แต่แข็งค่าเล็กน้อยราว 0.1% ในไตรมาส 1/65 

 

ทางด้านคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.5% ตามคาดเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโรแต่แข็งค่าเทียบกับเงินเยนในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยยูโรได้แรงหนุนจากสัญญาณเชิงบวกหลังการเจรจาสันติภาพรอบล่าสุดระหว่างรัสเซียกับยูเครน ขณะที่เงินเยนแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 6 ปีครั้งใหม่ท่ามกลางทิศทางการดำเนินนโยบายที่แตกต่างกันมากขึ้นระหว่างธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)และธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ) โดยบีโอเจประกาศเข้าแทรกแซงตลาดบอนด์เพื่อรักษาเพดานและสกัดการพุ่งขึ้นของยิลด์พันธบัตรญี่ปุ่นทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 10,563 ล้านบาท แต่มียอดซื้อพันธบัตรสุทธิ 294 ล้านบาท โดยมีตราสารที่ถือครองโดยนักลงทุนต่างชาติครบอายุ 4,258 ล้านบาท

 

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรีคาดว่านักลงทุนจะให้ความสนใจกับการเปิดเผยรายงานจากการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 15-16 มีนาคม ซึ่งเฟดเริ่มต้นวัฏจักรการปรับขึ้นดอกเบี้ย นอกจากนี้ ตลาดจะติดตามบอนด์ยิลด์สหรัฐฯ หลังยิลด์ระยะ 2 ปีสูงเกินยิลด์ระยะ 10 ปี ข้อมูลค่าจ้างเดือนมีนาคมสูงเกินคาด ส่งผลให้ตลาดคาดการณ์มากขึ้นเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดซึ่งจะชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะกลางถึงยาว ส่วนสถานการณ์การสู้รบในยูเครนและการดำเนินมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อรัสเซีย รวมถึงการแพร่ระบาดในจีนอาจส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนได้เช่นกัน

 

สำหรับปัจจัยในประเทศ ตลาดจะติดตามข้อมูลเงินเฟ้อเดือนมีนาคม ซึ่งคาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก ทางด้านกนง.คงดอกเบี้ยด้วยเสียงเอกฉันท์เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยธปท.ให้ความเห็นว่าดอกเบี้ยเป็นเครื่องมือที่ค่อนข้างมีผลกระทบในวงกว้าง ซึ่งแม้จะเป็นเครื่องมือที่ใช้ดูแลเงินเฟ้อได้ แต่กนง.ยังไม่ต้องการนำมาใช้ในเวลานี้ โดยอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้นเกิน 5% ในไตรมาสที่ 2 และ 3 ก่อนที่จะลดลงเข้าสู่กรอบเป้าหมายในปี 2566 โดยผู้ดำเนินนโยบายจะติดตามปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อต่อไป อนึ่ง ท่าทีดังกล่าวสนับสนุนมุมมองหลักของกรุงศรีที่ว่ากนง.จะตรึงดอกเบี้ยไว้ตลอดปีนี้ท่ามกลางการฟื้นตัวที่เปราะบางของอุปสงค์ในประเทศ อย่างไรก็ดี หากเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงนานกว่าที่คาด การตัดสินใจด้านนโยบายจะเผชิญความท้าทายมากยิ่งขึ้น

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง