รีเซต

เปิดโผหุ้นคาดถูกเลือกเข้า-ออก SET50

เปิดโผหุ้นคาดถูกเลือกเข้า-ออก SET50
ทันหุ้น
29 พฤศจิกายน 2566 ( 13:35 )
113
เปิดโผหุ้นคาดถูกเลือกเข้า-ออก SET50

#ทันหุ้น - ฝ่ายวิจัย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ โดยคาดว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) จะประกาศรายชื่อหุ้นที่ใช้คำนวณดัชนี SET50/100 และ SET50FF/SET100FF วันที่ 18-20 ธ.ค.66 โดยฝ่ายวิจัยฯคาดว่า หุ้นที่จะถูกนำเข้ามาคำนวณ SET50 รอบนี้ ได้แก่ KCE, ITC และ JMT ส่วนหุ้นที่จะถูกนำออกจากการคำนวณ คือ DELTA, INTUCH และ TLI

 

ทั้งนี้ DELTA อยู่ในรายชื่อหุ้นที่เข้าข่ายมาตรการกำกับการซื้อขายในเดือนเม.ย., มิ.ย. และก.ค.66 และอัตราหมุนเวียนการซื้อขาย (turnover ratio) ในเดือนพ.ย.น่าจะไม่ถึง 2% จึงเชื่อว่า DELTA น่าจะถูกนำออกจาก SET50 ส่วน TLI ราคาหุ้นปรับลงแรงและ INTUCH มีอัตราหมุนเวียนการซื้อขายต่ำ จึงน่าจะทำให้ TLI และ INTUCH หลุดจาก SET50 เช่นกัน

 

ดัชนี SET50/SET100 ที่จะประกาศในรอบนี้ มีผลใช้บังคับในงวดครึ่งแรกปี 67 นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯยังมีแผนจะเผยแพร่ดัชนีใหม่คือ SET50FF/SET100FF ในวันที่ 1 ม.ค.67 ใช้หลักการเดียวกับ SET50/SET100 ในการเลือกบริษัทจดทะเบียน 50 และ 100 อันดับแรก

 

แต่การคำนวณน้ำหนักของหุ้น SET50FF/SET100FF จะใช้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดและถ่วงน้ำหนักด้วยสัดส่วนการถือของหุ้นรายย่อย(Free float)  เชื่อว่าสาเหตุหนึ่งที่ SET จัดทำดัชนีใหม่ เพราะกังวลราคาหุ้นที่ผันผวนของหุ้นที่มี free float ต่ำโดยเฉพาะหุ้น DELTA ซึ่งมี free float เพียง 22% แต่ราคาหุ้นแกว่งตัวแรง และประเมินมูลค่าสูงที่ P/E 55 เท่าในปี 66 และ 45 เท่าในปี 67 (อิงประมาณการของซีจีเอสฯ)

 

ข้อมูลจาก Finnomena แสดงให้เห็นว่ามีเงินทุนประมาณ 7 หมื่นล้านบาท ภายใต้การบริหารจัดการของกองทุน รวมแบบ Passive fund ที่ใช้ดัชนี SET50 เป็นดัชนีอ้างอิง ฝ่ายวิจัยฯจึงประเมินว่า DELTA อาจมีเงินทุนไหลออก 6.9 พันล้านบาท หาก Passive fund ทั้งหมดเปลี่ยนไปใช้ดัชนีใหม่อย่าง SET50FF เป็นดัชนีอ้างอิงในต้นปี 67

 

ขณะเดียวกันเชื่อว่า BBL ซึ่งมี Free float 98.6% น่าจะได้ประโยชน์จากการจัดทำดัชนี SET50FF มากที่สุด เนื่องจากคาดว่าน้ำหนักของหุ้นในดัชนี SET50FF จะเพิ่มขึ้นจาก 2.5% เป็น 5.4% หมายความว่าอาจมีเงินทุนไหลเข้าราว 2.3 พันล้านบาท

ฝ่ายวิจัยฯ ยังคงเป้าดัชนี SET สิ้นปี 67 ที่ 1,700 จุด เท่ากับ P/E 16.5 เท่าในปี 68 โดยเชื่อว่าน้ำหนักหลักทรัพย์ที่ต่างกันของดัชนี SET50 (market cap) และดัชนี SET50FF (Free float) จะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มธนาคารมากสุด ขณะที่จะส่งผลลบต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมากที่สุด โดยเฉพาะ DELTA นอกจากนี้เชื่อว่าดัชนี SET50FF น่าจะมีความผันผวนน้อยกว่าดัชนี SET50

ข่าวที่เกี่ยวข้อง