4 เห็ดพิษอันตรายช่วงฤดูฝน ทานแล้วมีอาการอย่างไร-จะเกิดขึ้นภายในกี่ชั่วโมง?
เปิด 4 เห็ดพิษอันตรายในช่วงฤดูฝน ทานแล้วมีอาการอย่างไร และ จะเกิดขึ้นภายในกี่ชั่วโมง? แนะวิธีสังเกต เช็กรายละเอียดที่นี่
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าช่วงฤดูฝนของไทยทุกปี จะมีสภาพแวดล้อมเหมาะกับการเจริญเติบโตและขยายพันธุ์ของเห็ด ทำให้มีประชาชนบางพื้นที่นิยมเก็บเห็ดไปรับประทาน แต่หลายครั้งการเก็บเห็ดก็มีอันตรายแฝงอยู่ หากเห็ดที่เก็บไปเป็นเห็ดพิษ ซึ่งไม่สามารถแยกออกจากเห็ดที่สามารถรับประทานได้ ส่งผลให้มีอันตรายถึงแก่ชีวิต ถือเป็นเรื่องที่ควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับเห็ดพิษ
ชนิดของเห็ดพิษในประเทศไทย เห็ดพิษมีหลากหลายชนิดด้วยกัน แต่ที่สำคัญในประเทศไทย แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
-กลุ่มที่ทำให้เกิดภาวะตับอักเสบ เช่น เห็ดระโงกหิน
-กลุ่มที่ทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออักเสบ เช่น เห็ดเหลืองนกขมิ้น
-กลุ่มที่ทำให้เกิดความผิดปกติต่อระบบทางเดินอาหาร เช่น เห็ดแดงน้ำหมาก เห็ดหัวกรวดครีบเขียว
โดย โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ได้เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับ 4 เห็ดพิษอันตรายในหน้าฝน ดังนี้
เห็ดระโงกหิน เห็ดระโงกดำพิษ เห็ดระงากขาว และเห็ดไข่ตายซาก
อาการ : คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง
เกิดขึ้นหลังรับประทานภายใน 6 – 24 ชั่วโมง
หลังแสดงอาการประมาณ 1 วัน อาจมีอาการตับอักเสบรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต
เห็ดหมวกจีน
อาการ : น้ำตาไหล น้ำลายใหล เหงื่อออกมากตามร่างกาย
เกิดขึ้นหลังรับประทานภายใน 30 นาที – 2 ชั่วโมง
ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง อาจพบชีพจรเต้นช้าลง และเสียชีวิตได้ภายใน 30 นาที
เห็ดถ่านเลือด
อาการ : ระคายเคืองระบบทางเดินอาหาร เจ็บกล้ามเนื้อ
เกิดขึ้นหลังรับประทานภายใน 2 ชั่วโมง
ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง อาจมีอาการตับและไตวาย ทำให้เสียชีวิตได้
เห็ดหัวกรวดครีบเขียว
อาการ : ระคายเคืองระบบทางเดินอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย เป็นตะคริวที่ท้อง
เกิดขึ้นทันทีหลังรับประทานภายใน 15 นาที – 4 ชั่วโมง
คำแนะนำจากแพทย์
เห็ดพิษไม่จำเป็นต้องมีสีสันฉูดฉาดหรือดูอันตรายเสมอไป
-การนำเห็ดพิษมาปรุงอาหารด้วยความร้อนไม่ช่วยทำให้พิษของเห็ดหมดไป จึงไม่ควรรับประทานเห็ดที่ไม่รู้จักหรือไม่แน่ใจ
-ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดควรรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล พร้อมกับเห็ดที่รับประทานโดยเร็ว
อาการหลังรับประทานเห็ดพิษ
1. กลุ่มที่ทำให้เกิดภาวะตับอักเสบ
หลังรับประทานเห็ดพิษกลุ่มนี้จะไม่มีอาการในตอนแรก แต่จะเริ่มมีอาการเมื่อผ่านไปแล้ว 4-6 ชั่วโมงเป็นต้นไป อาการเริ่มต้นคือคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย บางรายอาจมีอาการเกิดขึ้นช้ามากกว่า 10 ชั่วโมงหรือข้ามวันไปแล้ว หลังจากมีอาการผ่านไป 2-3 วัน การทำงานของตับจะเริ่มแย่ลง เอนไซม์ตับสูงขึ้น มีภาวะตับอักเสบ หากรุนแรงอาจเกิดตับวายและเสียชีวิตได้
2. กลุ่มที่ทำให้เกิดกล้ามเนื้อสลาย
อาการเริ่มต้นคือคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย โดยจะมีอาการเร็วภายใน 6 ชั่วโมงหลังรับประทาน จากนั้นจะมีอาการของการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อปวดเมื่อยตามตัวร่วมด้วย รวมถึงปัสสาวะมีสีดำหรือสีโค้ก เนื่องจากมีของเสียในกล้ามเนื้อรั่วออกมาปนอยู่ในปัสสาวะ ในรายที่รุนแรงจะมีเกลือโพแทสเซียมที่รั่วออกมาจากกล้ามเนื้อมากจนมีหัวใจเต้นผิดจังหวะเสียชีวิตได้ นอกจากยังมีสารมัยโอโกลบินในกล้ามเนื้อรัวออกมาทำให้เกิดไตวายร่วมด้วย
3. กลุ่มที่ทำให้เกิดความผิดปกติต่อระบบทางเดินอาหาร
หลังรับประทานเกิดความผิดปกติกับระบบทางเดินอาหาร ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย โดยจะมีอาการเร็วภายใน 6 ชั่วโมงหลังรับประทาน พิษจากเห็ดกลุ่มนี้จะไม่รบกวนอวัยวะในระบบอื่น ผู้ที่มีอาการรุนแรงสามารถเสียชีวิตได้เหมือนกับอาการท้องเสียหรืออาหารเป็นพิษที่รุนแรง ทำให้ขาดน้ำรุนแรง เกิดภาวะช็อคหรือความดันตกและเสียชีวิตได้
4. การรักษาเมื่อรับประทานเห็ดพิษ
หากเริ่มมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย หลังรับประทานเห็ดที่ไม่ได้ซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้นานกว่า 6 ชั่วโมงต้องระวังว่าเป็นเห็ดที่จะทำให้มีตับอักเสบควรรีบไปพบแพทย์ แต่ถ้าหากเพิ่งรับประทานเห็ดไปไม่เกิน 6 ชั่วโมงแล้วมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย อาจรักษาตัวเองเหมือนอาการอาหารเป็นพิษก่อนได้ แต่ถ้าหากอาการรุนแรง เช่น รับประทานไม่ไหว ดื่มน้ำเกลือแร่ไม่ไหว ปัสสาวะมีสีเข้มหรือสีโค้ก ท้องเสียมาก อ่อนเพลียมาก ปวดเมื่อยเนื้อตัวร่วมด้วย ควรรีบพบแพทย์
แพทย์จะทำการซักประวัติว่าคนไข้รับประทานอะไรมาบ้าง ช่วงเวลาที่อาการแสดงเกิดขึ้นหลังรับประทานไปแล้วกี่ชั่วโมง หากว่าเพิ่งรับประทานอาหารไปแล้วมีอาการ แพทย์จะดูเรื่องเกลือแร่ หากพบเกลือแร่และโพรแทสเซียมสูง มีการทำงานที่กล้ามเนื้อผิดปกติ ปัสสาวะสีเปลี่ยน จะทำการส่งปัสสาวะไปตรวจว่ามีเม็ดสีจากมัยโอโกลบินออกมาหรือไม่ หากมีจะถูกจัดเป็นเคสรุนแรง หากมีอาการเฉพาะในทางเดินอาหารแพทย์จะให้น้ำและเกลือแร่เป็นหลัก
ถ้าหากเป็นเห็ดพิษกลุ่มที่ทำให้ตับอักเสบ คือเริ่มมีอาการหลังรับประทานเห็ดนานกว่า 6 ชั่วโมง นอกจากแพทย์จะรักษาอาการคลื่นไส้ อาเจียนก่อน ยังอาจให้ผงถ่านกัมมันต์รับประทานเพื่อเร่งการขับของพิษ ในรายที่ประวัติชัดเจนอาจให้ยาชนิดอื่นๆเพื่อต้านการอักเสบของตับร่วมด้วยจากนั้นติดตามตรวจการทำงานของตับ หากมีการอักเสบของตับ จะต้องให้ยาต่อหากไม่มีอาการอักเสบแพทย์จะหยุดให้ยา
ที่มา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย / RAMA CHANNEL
ภาพจาก AFP/โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย