สธ.ยืนยันพบติด 3 ราย โควิดสายพันธุ์แอฟริกาใต้ เผยต้นตอ-ไทม์ไลน์เชื้อเข้าไทย

เมื่อวันที่ 23 พ.ค.64 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงถึงการตรวจพบผู้ติดโควิดสายพันธุ์แอฟริกาใต้ในอ.ตากใบ จ.นราธิวาสว่า กรมควบคุมโรครับแจ้งพบผู้ติดแอฟริกาใต้ 3 ราย ในอ.ตากใบ จ.นราธิวาส โดยเป็นการระบาดในกลุ่มผู้ติดเชื้อ 83 ราย พบการระบาดจากชายไทย อายุ 32 ปี ทำธรุกิจส่วนตัว

นพ.โอภาส กล่าวว่า โดยรายละเอียดของผู้ติดเชื้อชายไทย อายุ 32 ปี พบประวัติเสี่ยงมีภรรยาชาวมาเลเซียเดินทางมาพร้อมแม่ของผู้ป่วยและลูก ผ่านช่องทางธรรมชาติ เพื่อมาเยี่ยมและพักในไทย วันที่ 12 เม.ย.-4 พ.ค. และเดินทางกลับมาเลเซียไปแล้ว

สำหรับไทม์ไลน์ของชายไทย อายุ 32 ปี ในวันที่ 12 เม.ย. ภรรยาผู้ป่วย พร้อมแม่และลูกมาจากมาเลเซีย วันที่ 26 เม.ย.มีอาการไข้ ปวดเมื่อย วันที่ 27 เม.ย.มีอาการอาเจียน ปวดท้อง ไม่มีไข้ ไปหาหมอที่คลินิกในอ.ตากใบ

วันที่ 28 เม.ย.ไปหาหมอที่คลินิกเดิมและหมอฉีดยาให้ วันที่ 30 เม.ย.ไปรับการรักษาที่รพ.ตากใบ 1 คืน วันที่ 1 พ.ค.ออกจากรพ.และไปคลินิกในอ.เมืองนราธิวาา วันที่ 2 พ.ค.รักษาหมอบ้านที่อ.เมืองนราธิวาส วันที่ 4 พ.ค. ภรรยาผู้ป่วย พร้อมแม่และลูก เดินทางกลับมาเลเซีย และผู้ป่วยเข้ารับการรักษาที่รพ.เอกชน ในจ.ยะลา ผลพบติดโควิดสายพันธุ์แอฟริกาใต้ และวันที่ 5 พ.ค. รพ.เอกชนในจ.ยะลา ส่งต่อรักษาที่รพ.นราธิวาสราชนครินทร์

จากนั้นได้ปิดพื้นที่ไม่ให้เข้าออกและค้นหาเชิงรุก พบผู้ติดเชื้อ 83 ราย และไม่พบเสียชีวิต ในจำนวนนี้เป็นสายพันธุ์แอฟริกาใต้ 3 ราย โดยได้รับการรักษาหายแล้ว โดยยังมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 698 ราย ค้นหาเชิงรุกในพื้นที่ 160 ราย

นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า สำหรับสายพันธุ์แอฟริกาใต้ที่พบนั้น ใกล้เคียงกับของมาเลเซีย ทำให้คาดติดมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนการตอบสนองของวัคซีน ยืนยันจะช่วยลดอัตราการเสียชีวิต ถือว่าวัคซีนยังมีประโยชน์ โดยการระบาดจะเหมือนสายพันธุ์อังกฤษและอินเดีย ส่วนความรุนแรงก็ไม่แตกต่างกัน เพราะมีการรักษาและหายได้ ยืนยันวัคซีนยังมีประโยชน์