รีเซต

“บิ๊กตู่”ประชุมครม. ถกแก้ปัญหาหมูแพง จับตา เกษตรฯ ของบ 574 ล้าน แก้ผลกระทบโรคระบาด

“บิ๊กตู่”ประชุมครม. ถกแก้ปัญหาหมูแพง จับตา เกษตรฯ ของบ 574 ล้าน แก้ผลกระทบโรคระบาด
มติชน
11 มกราคม 2565 ( 11:29 )
62

“บิ๊กตู่”ประชุมครม. ถกแก้ปัญหาหมูแพง จับตากระทรวงเกษตรฯ จ่อของบ 574 ล้านบาท แก้ปัญหาและเยียวยาเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร

 

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 11 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พบ.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ผ่านระบบ Video Conference โดยคาดว่าที่ประชุมจะมีการรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอนที่มีการแพร่ระบาดและกระจายอยู่เกือบทั้งประเทศ และมีอัตราการการติดเชื้อที่สูงสะสม 5,000 กว่าราย ภายในระยะเวลาไม่กี่วัน นอกจากนี้จะมีการรายงานสถานการณ์เตียงในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่เฝ้าระวังตามคลัสเตอร์ต่างๆ หลังจากที่ประชุมศบค. สั่งการยกระดับมาตรการตอบโต้สถานการณ์เชิงรุก บูรณาการส่วนราชการทุกหน่วยงานในการแก้ไขปัญหา เพื่อให้ตอบสนองและทันต่อท่วงที และที่ประชุมจะยังมีการพิจารณาหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉิน โรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

 

ขณะเดียวกันต้องจับตาการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน โดยเฉพาะการปรับขึ้นราคาเนื้อสุกร ที่หน้าเขียงตกอยู่ที่กิโลกรัมละ 250 บาท จากการแพร่ระบาดของเชื้ออหิวาต์ แอฟริกาในสุกร หรือ ASF (African Swine Fever ) โดยต้องจับตาในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เตรียมเสนอของบประมาณ 574 ล้านบาทให้คณะรัฐมนตรี อนุมัติในการแก้ปัญหาและเยียวยาเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรที่ได้รับความเดือดร้อนและผลกระทบจากการเกิดโรคระบาดในสุกร

 

สำหรับบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังจากการหยุดยาวในช่วงเทศกาลปีใหม่ ต่อเนื่องกับการ ขอความร่วมมือสื่อมวลชน work from home ทำเนียบรัฐบาลได้เปิดให้สื่อมวลชนเข้าปฏิบัติหน้าที่ภายในทำเนียบรัฐบาลได้เป็นวันแรก แม้ว่าคณะรัฐมนตรี(ค.ร.ม.)จะมีการประชุมผ่านระบบ Video Conference ก็ตาม โดยสื่อมวลชนที่เข้าปฏิบัติหน้าที่ภายในทำเนียบรัฐบาล จะต้องปฏิบัติตามระเบียบและมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด พร้อมขอความร่วมมือสำนักข่าวส่งทีมเข้ามาปฏิบัติหน้าที่เพียงสำนักละ 1 ทีมเท่านั้น โดยจะต้องมีการตรวจคัดกรองหาเชื้อผ่านชุดตรวจ ATK โดยต้องนำผลมาแสดงยังเจ้าหน้าที่สํานักโฆษกสํานักนายกรัฐมนตรีเพื่อแลกสติ๊กเกอร์ และคัดกรองอุณหภูมิร่างกาย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ภายในทำเนียบรัฐบาล ยังคงยึดตามแนวทาง work from home มีเพียงเจ้าหน้าที่บางส่วนที่เกี่ยวข้อง เดินทางเข้ามาปฏิบัติหน้าที่เพียงเล็กน้อย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง