เขื่อนอุบลรัตน์ปรับลดระบายน้ำ เหลือวันละ 52 ล้าน ลบ.ม. หลังน้ำไหลเข้าอ่างลดลง

เมื่อวันที่ 11.00 น.วันที่ 17 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสถานการณ์น้ำในเขื่อนอุบลรัตน์ล่าสุดวันนี้ พบว่ามีปริมาณน้ำเก็บกักอยู่ที่ 3,163.10 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 130.10 ของความจุอ่าง โดยมีปริมาณน้ำไหลเข้า 31.02 ล้าน ลบ.ม.

โดยล่าสุดวันนี้ได้มีการปรับลดการระบายลงอยู่ที่ 52 ล้าน ลบ.ม. ตามแผนการระบายน้ำใหม่ ซึ่งเขื่อนอุบลรัตน์ ได้เสนอต่อ ผวจ.ขอนแก่นในการปรับลดการระบายน้ำลง โดยมีผลวันนี้ทันที จากเดิม วันละ 54 ล้าน ลบ.ม. เป็น 52 ล้าน ลบ.ม. วันที่ 18 ต.ค.ระบายน้ำออก ที่ 50 ล้าน ลบ.ม. วันที่ 19 ต.ค.ระบายน้ำออกที่วันละ 48 ล้าน ลบ.ม. วันที่ 20 ต.ค.ระบายน้ำออกที่ 46 ล้าน ลบ.ม. และตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค.เป็นต้นไประบายน้ำออกที่ วันละ 45 ล้าน ลบ.ม. ตามแผนการบริหารจัดการน้ำและสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ในขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมบริเวณ ถนนทางหลวงชนบทหมายเลข 1027 เส้นทาง ตัดผ่าน ถนนเลี่ยงเมืองสายขอนแก่น-กาฬสินธุ์ ไปทาง บ.บึงอีเฒ่า,ห้วยซัน ต.ศิลา อ.เมืองขอนแก่น ตัดผ่านไปยัง อ.น้ำพอง และ อ.กระนวน ที่มวลน้ำจากแม่น้ำพองได้ไหลทะลักเข้าท่วมตั้งแต่บริเวณสี่แยกไฟแดง เป็นระยะทางกว่า 500 เมตร ล่าสุดวันนี้ระดับน้ำยังคงทรงตัว ตามการระบายน้ำของเขื่อนอุบลรัตน์ ที่ไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่ 4 หมู่บ้านของ ต.ศิลา และหมู่บ้านตามริมแม่น้ำพอง

ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าระดับน้ำยังคงท่วมสูงประมาณ 30-35 ซม. รถขนาดเล็กสัญจรด้วยความลำบากโดยเจ้าหน้าที่จากเทศบาลเมืองศิลา,แขวงทางหลวงขอนแก่น และฝ่ายปกครอง ยังคงติดตั้งป้ายแจ้งเตือนและจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกและห้ามไม่ให้รถขนาดเล็กสัญจรผ่านในเส้นทางดังกล่าวเพื่อความปลอดภัย และให้ใช้เส้นทางลัดตัดผ่านในจุดอื่นแทนไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

ขณะที่นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.ขอนแก่น นำเหล่ากาชาด จ.ขอนแก่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่มอบถุงยังชีพและเครื่องนุ่งห่มกันหนาว ผ้าห่มและหมวกไหมพรม ให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ อ.เมืองขอแก่น หลังระดับน้ำยังคงท่วมขังในหลายพื้นที่และมีสภาพอากาศที่หนาวเย็นลงมาตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

นายไกรสร กล่าวว่า สถานการณ์อุทกภัย ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น ขณะนี้นั้นคลี่คลายลงแล้ว 14 อำเภอ แต่ยังคงเฝ้าระวังเหตุการณ์อยู่ 6 อำเภอ คือที่ อ.น้ำพอง,เมือง,ชนบท,บ้านไผ่,บ้านแฮด และ อ.หนองเรือ ซึ่งจากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 26,544 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 8 ราย โดยมีพื้นที่ทางการเกษตร เสียหายเป็นนาข้าว 252,253 ไร่ พืชไร่ 50,241 ไร่ พืชสวน 198 ไร่พื้นที่การประมง เสียหาย 1,284 ไร่ ฝายกั้นน้ำเสียหาย 17 แห่ง,ถนน 254 สาย คอสะพาน 4 แห่งผนังดิน 2 แห่งและสถานที่ราชการ 4 แห่ง ซึ่งขณะนี้การให้ความช่วยเหลือนอกจากการจัดตั้งจุดพักพิง การแจกจ่ายถุงยังชีพ การตั้งโรงครัวประกอบเลี้ยง รวมไปถึงการให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆนั้นทุกหน่วยงานได้ดำเนินการอย่างเต็มที่และต่อเนื่องเช่นกัน