"อังกฤษ-อินเดีย"ตกลงการค้าเสรี คาดหนุน ศก.อังกฤษ 6.5 พันล้าน

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ต้อนรับ นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี  ผู้นำของอินเดียระหว่างการเยือนสหราชอาณาจักรเป็นเวลา 2 วัน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าของทั้งสองประเทศจะลงนามอย่างเป็นทางการในข้อตกลงดังกล่าว

โจนาธาน เรย์โนลด์ส  รัฐมนตรีธุรกิจและการค้าของอังกฤษ กล่าวยกย่องข้อตกลงนี้ว่าเป็น ข้อตกลงการค้าที่สำคัญที่สุดที่สหราชอาณาจักรได้จัดทำขึ้นนับตั้งแต่แยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) และเป็นข้อเสนอที่ดีที่สุดที่อินเดียเคยยื่นให้กับประเทศใด โดยระบุว่า นี่เป็นช่วงเวลาที่โลกการค้าเผชิญแรงกดดันอย่างไม่เคยมีมาก่อนจากนโยบายการค้ารุกคืบของสหรัฐภายใต้รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์

ข้อตกลงนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของรัฐบาลสตาร์เมอร์ในการพยุงเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และยังเป็นข้อตกลงทางการค้าที่ใหญ่ที่สุดของอังกฤษในรอบ 5 ปีนับตั้งแต่ Brexit ส่วนในมุมของอินเดีย นี่เป็นข้อตกลงที่สำคัญที่สุดที่ประเทศเคยลงนาม แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของอินเดียในการเปิดเสรีและดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ

ทั้งนี้ ภายใต้ข้อตกลง อินเดียซึ่งมีระบบเศรษฐกิจแบบปกป้องตลาดสูงกว่าสหราชอาณาจักรมาก จะลด ภาษีนำเข้ากว่า 90% ของพิกัดภาษีทั้งหมด และลดอัตราภาษีเฉลี่ยต่อสินค้าจากอังกฤษจาก 15% เหลือเพียง 3% โดยจะลดภาษีสุราสก็อตช์ครึ่งหนึ่งทันทีจาก 150% เหลือ 75% และลดลงต่อเนื่องเหลือ 40% ใน 10 ปีข้างหน้า

นอกจากนี้อินเดียยังตกลงลดภาษีรถยนต์ไฟฟ้าแบบมีโควตา โดย ลดภาษีสูงสุดจาก 110% เหลือ 10% ในขณะเดียวกัน 99% ของการส่งออกจากอินเดียไปอังกฤษจะได้รับการยกเว้นภาษีทั้งหมด เช่น สิ่งทอ ยาสามัญและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เครื่องหนัง และสินค้าเกษตรและเคมีภัณฑ์

นอกจากนี้การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และวิศวกรรมจากอินเดียคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2 เท่าภายในปี 2030 ขณะที่สารเคมีจะเพิ่มขึ้น 30-40% ภายในปีงบประมาณหน้า และการส่งออกอัญมณี-เครื่องประดับจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า จากระดับ 941 ล้านดอลลาร์ภายใน 3 ปี

การส่งออกบริการซอฟต์แวร์ของอินเดียก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ปีละ 20% หลังข้อตกลงมีผลบังคับใช้ ด้านเจ้าหน้าที่อังกฤษกล่าวว่าข้อตกลงนี้จะช่วยให้ราคาสินค้าภายในประเทศลดลง ซึ่งเป็นผลดีต่อผู้บริโภค