ชูไทยต้นแบบ ท่องเที่ยว วิถีใหม่
ข้อเสนอของ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่พยายามผลักดันการจับคู่ประเทศท่องเที่ยวระหว่างกัน หรือ แทรเวล บับเบิล กับประเทศที่มีความสามารถในการควบคุมการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยมีประเทศที่แสดงความต้องการเดินทางเข้า อาทิ จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน นั้น
ล่าสุด นายบุญทา ชัยเลิศ รองประธานสภาอุตสาหกรรม ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ฝ่ายอาเซียนสัมพันธ์ ในฐานะที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เผยว่า เป็นแนวคิดที่ดี ทำเลย อย่ารอเวลา ยิ่งช้ายิ่งเสียเปรียบเพื่อนบ้าน ถ้าเปิดก่อนโอกาสฟื้นเศรษฐกิจเป็นไปได้สูง ช่วงครึ่งปีหลังมองว่าท่องเที่ยวยังอยู่ในภาวะถดถอยอยู่ เพราะผู้ประกอบการบางส่วนได้เลิกกิจการไปแล้ว เนื่องจากแบกรับต้นทุนไม่ไหว อีกทั้งสถาบันการเงินไม่ปล่อยสินเชื่อ เพื่อเป็นทุนหมุนเวียน ส่งผลให้กิจการทรุดหนักลงไปอีก
ประเทศที่น่าจับคู่ท่องเที่ยว คือ กลุ่มอาเซียน บวก 6 คือ จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เพราะควบคุมโควิดได้เหมือนไทยและเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ส่วนนักท่องเที่ยวสหรัฐและยุโรป ยังมีการระบาดโควิดรุนแรง จึงเป็นไปได้ยากที่มาจับคู่ประเทศท่องเที่ยวกับไทย หากไทยจับคู่ประเทศดังกล่าว โอกาสฟื้นตัวท่องเที่ยวสูง เนื่องจากมีกำลังซื้อพอสมควร ครึ่งปีหลังเชื่อว่าธุรกิจท่องเที่ยวอาจพออยู่ได้ แต่ไม่มีผลกำไร เพราะนักท่องเที่ยวระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น อย่างน้อยรายได้หายไป 60-70%
ช่วงท่องเที่ยววิถีชีวิตใหม่ระหว่างประเทศ หรือนิว นอร์มอล ต้องปฏิบัติตามองค์การอนามัยโลก หรือมาตรฐานสาธารณสุข เชื่อว่านักท่องเที่ยวเข้าใจ ไม่เป็นอุปสรรคท่องเที่ยว อีกทั้งมาตรฐานบริการของไทยสูงกว่าเพื่อนบ้าน มีอัธยาศัยไมตรี ยิ้มแย้มแจ่มใส ที่สำคัญแต่ละพื้นที่มีอัตลักษณ์ชุมชน ที่เป็นมนต์เสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ เชื่อว่าการเว้นระยะห่างไม่มีปัญหาให้บริการอย่างใด เพื่อสร้างความประทับใจแก่ผู้มาเยือน
“อยากให้ไทยเป็นโมเดล หรือต้นแบบการท่องเที่ยวนิว นอร์มอล ที่ใส่ใจมาตรฐานและคุณภาพในราคาที่เป็นธรรม ไม่โกงหรือเอาเปรียบนักท่องเที่ยว ถ้าทำได้เชื่อว่าท่องเที่ยวสามารถฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ดังนั้น เรียกร้องรัฐบาล 2 ข้อ คือ ข้อแรก ให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการมากขึ้น โดยมีระเบียบรองรับหรือผ่อนปรนเงื่อนไขการให้สินเชื่อ ข้อสอง พักชำระหนี้ผู้ประกอบการ ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย พร้อมขยายเวลาชำระหนี้จากตุลาคม เป็นธันวาคม หรือปลายปีนี้แทน เพื่อยืดลมหายใจผู้ประกอบการออกไป ถ้าไม่ผ่อนปรนหรือขยายเวลาชำระหนี้ สถาบันการเงินอาจยึดกิจการหรือทรัพย์สินที่มีอยู่ ส่งผลธุรกิจท่องเที่ยวเลิกกิจการมากขึ้น ไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจแต่อย่างใด” นายบุญทากล่าว
“ล่าสุด หลังเปิดท่องเที่ยว เฟส 5 มีนักท่องเที่ยวจองเข้ามาบ้าง ยังไม่มากนัก แต่มีนักท่องเที่ยวที่จองล่วงหน้า และชำระเงินแล้ว แต่ยังไม่ได้เดินทางเข้ามาช่วงโควิดระบาด อาทิ เกาหลีใต้ กว่า 1,000 คน หากจับคู่ประเทศสำเร็จ เชื่อนักท่องเที่ยวกลุ่มอาเซียน บวก 6 ชาติเดินทางเข้าไทยมากขึ้น ตามลำดับ นายบุญทาระบุ
ด้าน นายเสนีย์ ภูวเศรษฐถาวร ที่ปรึกษาสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุยและรองประธานหอการค้า จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า สาเหตุที่นักท่องเที่ยวชาวจีนเจาะจงมาเกาะสมุย เพราะชาวจีนทุกมณฑลชอบเที่ยวทะเล และมีอาหารทะเลซีฟู้ดที่อร่อยชาวจีนชอบมาก มีทะเลที่สวยงาม มีแหล่งช้อปปิ้งที่ชาวจีนชื่นชอบมาก และชาวเกาะสมุยมีอัธยาศัยไมตรีต้อนรับดี ที่ผ่านมา ททท.เกาะสมุย ร่วมกับสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุยและผู้ประกอบการท่องเที่ยว ได้ไปทำโรดโชว์ตลาดท่องเที่ยวที่ประเทศจีนหลายเมือง ทำให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวจีนมาก ประกอบกับได้มีกองถ่ายทำภาพยนตร์ของจีนมาถ่ายทะเลเกาะสมุยเมื่อภาพยนตร์ออกไปฉายที่จีนทำให้มีนักท่องเที่ยวออกมาเที่ยวตามรอยภาพยนตร์เป็นจำนวนมาก
ช่วงที่นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาแต่ละเที่ยวบินเช่าเหมาลำจะท่องเที่ยวและพักแรมอยู่ถึง 4-5 คืน แม้ว่าตลาดนักท่องเที่ยวหลักของเกาะสมุยจะเป็นยุโรป 60-70 เปอร์เซ็นต์ เป็นคนไทย 20 เปอร์เซ็นต์ และเอเชียอีก 20 เปอร์เซ็นต์ แต่ช่วงหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติจะต้องรับนักท่องเที่ยวจากจีนได้ก่อน ส่วนกลุ่มยุโรปน่าจะอีกนานกว่าจะเข้ามาได้
ที่ผ่านมามีเที่ยวบินตรงจากเฉิงตู กว่างโจว ฉงชิง มายังเกาะสมุย แต่สนามบินสมุยมีขนาดเล็กรับเครื่องบินใหญ่สุดได้เพียงแอร์บัส 319 จำนวน 140-145 ที่นั่งต่อเที่ยวบิน ส่วนเที่ยวบินใหญ่ไปลงได้ที่ภูเก็ต กระบี่ เชียงใหม่ จึงอยากให้รัฐบาลช่วยสนับสนุนเที่ยวบินเช่าเหมาลำหรือชาร์เตอร์ไฟลต์แก่บริษัทนำเที่ยวจีน โดยการลดราคาค่าลงจอดสนามบินหรือฟรีแลนดิ้งหรือค่าธรรมเนียมสนามบิน เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถทำแพคเก็จโปรโมชั่นการท่องเที่ยวได้ถูกลงเป็นการเอื้อให้นักท่องเที่ยวสนใจเข้ามาไทยได้มากขึ้น นายเสนีย์กล่าว
”ขณะนี้ทางเวียดนามซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญของไทยได้ทำตลาดดึงนักท่องเที่ยวจากจีนด้วยการลดค่าธรรมเนียมให้ 30-50 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ตั๋วเครื่องบินถูกลง ค่าโรงแรมที่พักถูกลง ส่วนนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มที่เข้ามาได้ คือ ไต้หวัน สามารถนำเครื่องบินขนาดใหญ่ 250 ที่นั่งต่อเที่ยว มาลงที่สนามบินสุราษฎร์ธานี ซึ่งมาตรการระยะห่างทางสังคมและการสวมหน้ากากอนามัยน่าจะไม่มีปัญหา เพราะจะเป็นหลักสากลที่มีการปฏิบัติทั่วไปแล้ว“นายเสนีย์ ระบุ
ขณะที่ นายสมศักดิ์ เสือบุญทอง นายกสมาคมการท่องเที่ยวและโรงแรมจังหวัดตรัง ระบุว่า เหตุผลที่นักท่องเที่ยวทั้ง 3 ประเทศมีความสนใจที่จะเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยนั้น น่าจะเป็นเรื่องของค่าครองชีพในประเทศไทยไม่สูงมาก ราคาอาหารก็ถูกเหมือนกัน ประการสำคัญคนไทยมีนิสัยยิ้มแย้มแจ่มใส มีอัธยาศัยดี นักท่องเที่ยวจึงอยากมาเที่ยวเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ แสวงหาความสุข และเรียนรู้วิถีชีวิต
ส่วน นายสวัน เสน่หา ประธานชมรมผู้ประกอบการท่องเที่ยวและโรงแรมหาดปากเมง จังหวัดตรัง กล่าวว่า นักท่องเที่ยวที่มาส่วนใหญ่จะอยู่นานหรือไม่ขึ้นอยู่กับโปรแกรมท่องเที่ยวที่ทางบริษัททัวร์นำเสนอ ถ้ามีโปรแกรมท่องเที่ยวที่หลากหลายก็ย่อมจะอยู่นานเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน การใช้จ่ายก็แล้วแต่ว่าเราจะพบนักท่องเที่ยวกลุ่มไหน แบบใด
หลังรัฐบาลไฟเขียวคลายล็อกผ่อนปรนเฟส 5 แล้ว ความหวังใช้การท่องเที่ยวเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ แต่ในภาวะที่โควิด-19 ยังระบาดหนักอยู่ทั่วโลก การท่องเที่ยวแบบ แทรเวล บับเบิล น่าจถเป็นทางเลือก โดยเฉพาะประเทศที่ควบคุมโรคได้ดีในระดับน่าพอใจ