ไอคอนสยาม ยกระดับงานกาแฟไทย ต่อยอดธุรกิจและขยายโอกาสสู่ตลาดโลก ดึงชาวไทยและนทท.ร่วมงานกว่า 1.5 ล้านคน
ไอคอนสยามจับมือพันธมิตรภาครัฐและเอกชน กระตุ้นเศรษฐกิจผลักดันธุรกิจกาแฟไทยให้เติบโตไกลสู่ระดับโลก จัดมหกรรมงานกาแฟครั้งยิ่งใหญ่ “ICONIC CRAFT COFFEE EXPO 2024” มอบประสบการณ์ ICONIC COFFEE JOURNEY ครบทุกมิติผ่าน 3 องค์ประกอบหลัก
ได้แก่ ICONIC PERSON พบปะและชวนชิมกาแฟจากฝีมือของบาริสต้าชั้นนำทั้งบาริสต้าชาวไทยและต่างประเทศที่มีชื่อเสียงระดับโลก , ICONIC CONTEST แข่งขันชงกาแฟระดับประเทศ เฟ้นหาแชมป์สุดยอดกาแฟแก้วพิเศษสุด และ ICONIC MENU พบกับเครื่องดื่มกาแฟ signature menu รังสรรค์โดย Global Brand Ambassador ของ Barista Attitude คนไทยเพียงหนึ่งเดียว
ตอกย้ำจุดยืนไอคอนสยามมุ่งเน้นสร้างประสบการณ์เหนือระดับ นำสิ่งที่ดีที่สุดของไทยไปสู่เวทีโลก ได้รวบรวมทุกสินค้าร้านกาแฟและคาเฟ่ดังทั่วทุกภูมิภาค ตอบโจทย์ครบทั้งตลาด B2B นักธุรกิจ SMEs และตลาด B2C มั่นใจดึงลูกค้าชาวไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกมาร่วมงานกว่า 1.5 ล้านคน งานจะจัดขึ้นในวันที่ 30 สิงหาคม – 8 กันยายน 2567 นี้
นายสุพจน์ ชัยวัฒน์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด เปิดเผยว่า จากข้อมูลของ Euromonitor International รายงานว่ามูลค่าตลาดกาแฟไทยในช่วงปี 2564-2566 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 8.5% ต่อปี โดยล่าสุดปี 2566 มีมูลค่าตลาดประมาณ 34,000 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2567 จะเติบโตมากกว่าปีก่อนๆ อีกหลายเท่าตัว จากเทรนด์การเติบโตดังกล่าว เป็นที่มาของการยกระดับการจัดงานกาแฟ ซึ่งบริษัทจัดมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ก้าวสู่งาน “ICONIC CRAFT COFFEE EXPO 2024” โดยขยายรูปแบบของงานให้มีความยิ่งใหญ่ เป็น World Coffee Destination เพื่อสร้างหมุดหมายระดับโลกให้กับคอกาแฟ พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค
โดยปีนี้ได้ร่วมมือกับพันธมิตรภาครัฐและเอกชน ได้แก่ กรมทรัพย์สินทางปัญญา, สมาคมกาแฟไทย, Barista Attitude, UCC, MONIN, ซีพี เมจิ, MINUS NINE, WONDER MILK, Prom Chim Coffee Academy, true,เครือเจริญโภคภัณฑ์, ไอคอนคราฟต์ และไอซีเอส จัดงานรวม 10 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม – 8 กันยายน 2567
นายสุพจน์ กล่าวต่อไปว่า ไอคอนสยาม ยกระดับการจัดงานกาแฟไทยมาสู่งาน ICONIC CRAFT COFFEE EXPO ซึ่งไม่เพียงส่งเสริมกาแฟไทยให้ได้ก้าวสู่เวทีสากลเท่านั้น หากแต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคชาวไทยได้สัมผัสกาแฟจากระดับโลก
ซึ่งในงานนี้ ต้องการจะสร้างประสบการณ์แบบ total immersive experience ผ่าน 3 ส่วนผสมหลัก เพื่อให้ไอคอนสยามเป็นหมุดหมายที่ทั้งคอกาแฟและผู้บริโภคทั่วไปไม่ควรพลาด ได้แก่ 1. ICONIC PERSON สัมผัสกับบุคคลโดดเด่นในวงการกาแฟ ชิมกาแฟจากฝีมือของบาริสต้าชั้นนำ ทั้งบาริสต้าชาวไทยและต่างประเทศที่มีชื่อเสียงระดับโลก พร้อมเวิร์กช้อปสุดพิเศษ เพื่อเปิดมุมมองใหม่สนับสนุนวัฒนธรรมกาแฟที่มีความหลากหลาย
2. ICONIC CONTEST เป็นการจัดการแข่งขันชงกาแฟในรูปแบบใหม่เพื่อเฟ้นหาสุดยอดกาแฟแก้วพิเศษสุด ภายใต้ชื่อการแข่งขัน “Thailand Iconic Coffee & Creativity Championship 2024” (TICC) ซึ่งจะเป็นการแข่งขันครั้งแรกในประเทศไทยที่ไม่เหมือนใคร ด้วยการออกแบบกติกาการแข่งขันที่เน้นการท้าทายขีดความสามารถของผู้แข่งขันในทุกด้าน ตัดสินโดยคณะกรรมการระดับสากล
และ 3. ICONIC MENU พบกับเครื่องดื่มกาแฟ signature menu ที่ออกแบบมาเพื่อลูกค้าของไอคอนสยามโดยเฉพาะ รังสรรค์โดย คุณชัญญา ธาราธิคุณเดช Global Brand Ambassador ของ Barista Attitude คนไทยเพียงหนึ่งเดียวที่รั้งตำแหน่งบาริสต้าจากสถาบันที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก
ในงานปีนี้ พบกับการคัดสรรร้านกาแฟและคาเฟ่จากทั่วทุกภูมิภาคทั่วไทย มาให้สัมผัสและลิ้มลองมากที่สุด อีกทั้งยังรวบรวมเอากิจกรรมที่น่าสนใจเกี่ยวกับกาแฟมาไว้อย่างครบครัน ระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม - 8 กันยายน 2567 บริเวณ เจริญนคร ฮอลล์, วอล์คเวย์ และ ธารา ฮอลล์ ชั้น M ไอคอนสยาม รวมถึง Event Space ชั้น M ไอซีเอส
บนพื้นที่การจัดงาน กว่า 4,000 ตร.ม. โดยคาดว่าจะมีประชาชนผู้สนใจทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้าร่วมงานกว่า 1.5 ล้านคน ตลอด 10 วันของการจัดงานในปีนี้
“ด้วยศักยภาพของไอคอนสยามในการเป็น Global Destination รองรับนักท่องเที่ยวและผู้บริโภคกว่า 42 ล้านคนต่อปี เราคาดหวังว่าการยกระดับงานสู่ระดับโลก จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มให้ก้าวไปได้ไกลกว่าเดิม และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้มากขึ้น ด้วยการรวมทุกเมนู coffee ตลอดจน non- coffee มาไว้ในงานเดียว” นายสุพจน์ กล่าวในที่สุด
คุณชัญญา ธาราธิคุณเดช Global Brand Ambassador ของ Barista Attitude และหนึ่งในคณะกรรมการผู้ตัดสินในเวทีแข่งขันกาแฟระดับชิงแชมป์โลก กล่าวว่า อุตสาหกรรมกาแฟไทยเติบโตอย่างต่อเนื่องในด้านคุณภาพและนวัตกรรม ด้วยการพัฒนาทางเทคโนโลยีและการสร้างสรรค์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคหลากหลาย การผสมผสานระหว่างความรู้ท้องถิ่นกับมาตรฐานสากลได้ทำให้กาแฟไทยดึงดูดตลาดทั้งในและต่างประเทศ ทำให้ประเทศไทยมีศักยภาพสูงที่จะเป็นศูนย์กลางกาแฟในภูมิภาคเอเชีย
“จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในวงการกาแฟระดับโลก มองว่าไทยมีโอกาสสูงที่จะเป็นศูนย์กลางแห่งใหม่ของวงการกาแฟในภูมิภาคเอเชีย ไม่เพียงแต่ในฐานะประเทศผู้ผลิตกาแฟคุณภาพสูง แต่ยังเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่หลงใหลในวัฒนธรรมกาแฟที่หลากหลาย การจัดงานต่าง ๆ เช่น ICONIC CRAFT COFFEE EXPO ก็เป็นตัวอย่างที่ดีในการสร้างเวทีระดับนานาชาติสำหรับผู้ประกอบการกาแฟไทยในการแสดงความสามารถและนวัตกรรมอันเป็นอัตลักษณ์ของไทยให้โลกได้เห็น”
ความพิเศษในปีนี้ ไอคอนสยาม ร่วมจัดการแข่งขัน Thailand Iconic Coffee & Creativity Championship 2024 (TICC) ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทยโดยออกแบบมาเพื่อท้าทายทักษะและความคิดสร้างสรรค์ของผู้แข่งขันในทุกมิติ นอกจากการทดสอบทักษะการชงกาแฟแล้ว ยังเปิดโอกาสให้ผู้เข้าแข่งขันได้แสดงความสามารถในการสร้างสรรค์เมนูกาแฟที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ความพิเศษของ TICC ในปีนี้คือการมีคณะกรรมการระดับสากลที่มีชื่อเสียงจากทั่วประเทศ มาร่วมตัดสินในธีมการแข่งขัน "Thai Identity to the World" ซึ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือและมาตรฐานระดับโลก การแข่งขันครั้งนี้ไม่เพียงแต่เปิดโอกาสในการชิงรางวัลเท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีที่ช่วยสร้างเครือข่ายและโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้เข้าแข่งขันในอนาคต
คุณกิติยาพร สาธุเสน ผู้อำนวยการกองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีแหล่งปลูกและผลิตกาแฟที่มีความโดดเด่นเป็นอัตลักษณ์ของตนเองจำนวนมาก จนได้ขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งที่บ่งชี้ภูมิศาสตร์ หรือ GI ในหลายพื้นที่ ซึ่งงาน ICONIC CRAFT COFFEE EXPO 2024 ที่จัดขึ้นครั้งนี้ จะเป็นอีกหนึ่งเวทีใหญ่ที่เปิดโอกาสให้กาแฟ GI ได้เป็นที่รู้จักและเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น ในฐานะ Specialty Coffee ไทย ที่เป็น Soft Power ซึ่งมีพลังในการเข้าถึงใจคนทั่วโลก และเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าผลผลิต กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน และสร้างรายได้ให้เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟไทยอย่างยั่งยืน
คุณสุพจน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “งาน ICONIC CRAFT COFFEE EXPO 2024 นี้นับเป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นของไอคอนสยามในการนำสิ่งที่ดีที่สุดของไทยมาบรรจบกับสิ่งที่ดีที่สุดของโลก ผ่านกลยุทธ์ในการสร้างประสบการณ์ครบทุกมิติเพื่อช่วยขับเคลื่อนวงการกาแฟไทยให้พัฒนาเทียบเท่าสากลและนานาประเทศ เพื่อยกระดับประเทศไทยให้กลายเป็นหมุดหมายที่คนรักกาแฟทั้งในประเทศและต่างประเทศอยากมาเยือน และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการธุรกิจกาแฟได้เรียนรู้ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนมุ่งส่งเสริมธุรกิจกาแฟไทยตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทั้งเกษตรกร ผู้ปลูก ผู้แปรรูป ไปจนถึงเหล่าบาริสต้า ให้มีเวทีนำเสนอสินค้าแก่ลูกค้าในวงกว้างขึ้น พร้อมผลักดันวงการกาแฟไทยให้เติบโตไปสู่ระดับโลกอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ยังมุ่งส่งเสริมให้ผู้ประกอบการกาแฟไทย ปรับตัวให้เท่าทันโลก โดยเฉพาะประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ และ เทรนด์ธุรกิจกาแฟที่เกิดขึ้นทั่วโลก”