รีเซต

สิบตรี วิ่งราวสร้อยทอง ไปขายร้านน้องสาว แต่น้องอ่านไลน์กลุ่มมีเหตุชิงทอง เลยโทรแจ้งตร.

สิบตรี วิ่งราวสร้อยทอง ไปขายร้านน้องสาว แต่น้องอ่านไลน์กลุ่มมีเหตุชิงทอง เลยโทรแจ้งตร.
มติชน
20 มิถุนายน 2565 ( 20:27 )
65

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 20 มิถุนายน 2565 พ.ต.ต.นพล วงศ์พุฒิ สว.สอบสวน สภ.กุมภวาปี ได้รับออกสอบสวนเหตุชายวัยรุ่น ก่อเหตุวิ่งราวทองรูปพรรณ หนัก 2 บาท 2 เส้น มูลค่า 127,400 บาท ที่ห้างทองเยาวราช 2 เลขที่ 468-470 ม.15 บ.น้ำฆ้อง ถ.พิศาลสารกิจ ต.พันดอน พร้อม พ.ต.อ.พงศ์พันธ์ นาขวา ผกก.สภ.กุมภวาปี นำกำลังตำรวจป้องกันและปราบปราม ตำรวจสืบสวนสอบสวนรุดไปที่เกิดเหตุ และวิทยุสกัดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้าย ส่วนเจ้าของร้านได้ไลน์แจ้งกลุ่มผู้ประกอบการร้านทอง แจ้งเบาะแสและรูปพรรณของคนร้าย

 

น.ส.มีนตรา ธาดาศุภาภรณ์ อายุ 53 ปี เจ้าของร้านทอง นำตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบเป็นชายอายุ 20-25 ปี สวมเสื้อคลุมแขนยาวแบบมีฮู๊ด สีเทา กางเกงขายาวสีดำ หน้ากากอนามัยสีดำ หมวกปีกสีครีม และรองเท้าแตะสีน้ำเงิน เข้าทำทีมาขอเลือกซื้อทองรูปพรรณ ก่อนอาศัยจังหวะเจ้าของร้านเผลอ วิ่งหลบหนีไปขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ 110 ไอ สีดำ-แดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ที่จอดอยู่ข้างร้าน หลบหนีไปทางสามแยกบ้านพันดอน ก่อนมุ่งหน้าไปถนนมิตรภาพ อุดร-ขอนแก่น

 

ต่อมาเวลา 14.30 น. วันเดียวกัน นางวีรยา ภู่โสภา อายุ 50 ปี น้องสาวผู้เสียหาย เจ้าของห้างทองเยาวราชโนนสูง เลขที่ 299/2 ม.11 บ.โนนสูง ต.โนนสูง อ.เมืองอุดรธานี ที่อยู่ห่างกันร้านพี่สาว 30 กม. แจ้งกลับมาว่ามีผู้ต้องสงสัยนำทองรูปพรรณหนัก 2 บาท มาขายที่ร้าน 1 เส้น มีตำหนิรูปพรรณตรงกับที่รับแจ้ง ตำรวจ สภ.กุมภวาปี และ สภ.โนนสูง เข้าตรวจสอบและควบคุมตัวไว้ได้ คนร้ายให้การรับสารภาพเป็นคนก่อเหตุวิ่งราวจริง ทราบชื่อ สิบตรี ราชัน ขามรัตน์ ค่ายทหารแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.โนนสูง อ.เมืองอุดรธานี อายุ 23 ปี ชาว ม.11 ต.เชียงแหว อ.กุมภาปี จ.อุดรธานี

 

ตำรวจควบคุมตัวพร้อมของกลาง และรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า MSX 125 สีดำ-แดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ไปตรวจยึดสร้อยคอทองรูปพรรณอีก 1 เส้น เสื้อผ้าที่ใช้สวมใส่ขณะก่อเหตุและหลบหนี ที่เก็บไว้ในบ้านพักภายในค่ายทหาร ในพื้นที่ ต.โนนสูง อ.เมืองอุดรธานี ก่อนควบคุมตัวมาตรวจยึดรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุที่หน้าบ้านเลขที่ 169 ม.11 บ.เชียงแหว ต.เชียงแหว อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี นำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ ยอมรับมีความจำเป็นต้องหาเงินไปใช้หนี้สิน

 

น.ส.มีนตรา ธาดาศุภาภรณ์ ผู้เสียหาย เล่าว่า คนร้ายทำทีเป็นลูกค้าเข้ามาขอดูทองในร้าน จึงเอาให้ดูสองเส้น แล้วเอาเก็บที่เดิม แต่คนร้ายก็ขอดูทองใหม่อีกสองเส้น แล้วทดลองสวมสร้อยคอทองคำ หลังจากนั้นคนร้ายก็วิ่งออกจากร้าน ไปพร้อมทองคำหนัก 2 บาท 2 เส้น ตนและสามีรู้สึกตกใจมาก พอตั้งสติได้จึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจ แล้วตนก็ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อที่จะดูตำหนิรูปพรรณและยานพาหนะคนร้าย พร้อมกับไลน์แจ้งเหตุในกลุ่มผู้ประกอบการร้านทอง

 

นางวีรยา ภู่โสภา น้องสาวผู้เสียหาย เปิดเผยว่า คนร้ายมาที่ร้านเวลา 14.30 น. เพื่อมาขายสร้อยคอทองคำ 2 บาท 1 เส้น ก็ถามว่าสร้อยคอทองคำซื้อมาจากไหน ซึ่งคนร้ายบอกว่าซื้ออยู่ในตัวเมืองอุดรธานี และอ้างว่าพอดีแฟนใส่ได้ไม่กี่วัน แล้วมีเรื่องจำเป็นต้องใช้เงิน แต่ว่าเมื่อติดต่อกลุ่มไลน์ร้านทอง พบว่ามีการก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ ร้านทองพี่สาวแจ้งเข้ามาในกลุ่ม ซึ่งสร้อยคอทองคำ และตัวคนร้าย ก็ตรงกันกับที่แจ้งในกลุ่มไลน์ ได้ขอให้สามีคุยถ่วงเวลา เพื่อโทรฯบอกพี่สาวแจ้งตำรวจ โดยไม่มีการต่อสู้และขัดขืน

พ.ต.อ.พงศ์พันธ์ นาขวา ผกก.สภ.กุมภวาปี เปิดเผยว่า หลังจากรับแจ้งก็ได้ให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบกล้องวงจรปิด และดูลักษณะของคนร้าย ซึ่งคนร้ายใช้รถจักรยานยนตร์เวฟ ล้อแม็กซ์ ใส่เสื้อแขนยาว สวมหมวกปิดบังใบหน้า และสวมรองเท้าแตะ ตามที่กล้องวงจรปิดทางร้านบันทึกเอาไว้ขณะก่อเหตุ จึงได้ประสานรายละเอียดไปในส่วนต่างๆ ของตำรวจ เพื่อที่จะติดตามหาเบาะแส และจับกุมคนร้าย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลาในการจับกุมคนร้ายประมาณ 3 ชั่วโมง เพราะคนร้ายได้เอาทองไปขายที่ร้านของน้องสาวเจ้าของร้านที่เกิดเหตุ ทำให้สามารถจับกุมคนร้ายได้ และนำตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหา “วิ่งราวทรัพย์” ต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง