รีเซต

GULF เผยกำไรปี’64 เท่ากับ 8,812 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 97%  สูงสุดเป็นประวัติการณ์

GULF เผยกำไรปี’64 เท่ากับ 8,812 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 97%  สูงสุดเป็นประวัติการณ์
ข่าวสด
18 กุมภาพันธ์ 2565 ( 18:03 )
75
GULF เผยกำไรปี’64 เท่ากับ 8,812 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 97%  สูงสุดเป็นประวัติการณ์

ข่าววันนี้ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2564 โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน (Core Profit) เท่ากับ 2,728 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,488 ล้านบาท หรือ 120% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการโรงไฟฟ้า GSRC หน่วยที่ 1 และหน่วยที่ 2 (รวม 1,325 เมกะวัตต์) ในเดือนมี.ค. และต.ค. 2564 และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH จำนวน 1,093 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิ (Net Profit) ในไตรมาส 4/2564 เท่ากับ 3,043 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65% จาก 1,844 ล้านบาทในไตรมาส 4/2563

 

ในปี 2564 GULF มีรายได้รวม (Total Revenue) เท่ากับ 52,870 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% จากปี 2563 และมี Core Profit เท่ากับ 8,812 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 97% จาก 4,478 ล้านบาทในปีก่อน ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยปัจจัยหลักมาจากเงินปันผลรับจาก INTUCH จำนวน 2,349 ล้านบาท และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH จำนวน 1,093 ล้านบาท โดย GULF เปลี่ยนวิธีบันทึกบัญชีสำหรับเงินลงทุนใน INTUCH มาเป็นวิธีส่วนได้เสีย (Equity Method) ตั้งแต่ไตรมาส 4/2564 เป็นต้นมา

 

 

นอกจากนี้ Core Profit ยังเพิ่มขึ้นจากโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ระหว่างปี 2564 ได้แก่ โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ GSRC หน่วยที่ 1 และ 2 และโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ DIPWP ระยะที่ 1 ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 40 เมกะวัตต์ ที่ประเทศโอมาน ซึ่งเปิดดำเนินการในเดือนธ.ค. 2564 อีกทั้งยังรับรู้ผลการดำเนินงานทั้งปีของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเล BKR2 ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 465 เมกะวัตต์ ที่ประเทศเยอรมนี และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก PTT NGD เต็มปี

 

ในส่วนของกำไรสุทธิ ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่สำหรับปี 2564 (ซึ่งรวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน) เท่ากับ 7,671 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79% จากปีก่อน เนื่องจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นตามที่กล่าวไปแล้วข้างต้น

 

น.ส.ยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน เปิดเผยว่า รายได้รวมของปี 2565 คาดว่าจะเติบโตประมาณ 60% จากปี 2564 เนื่องมาจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการโรงไฟฟ้า GSRC หน่วยที่ 3 และ 4 ซึ่งมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 1,325 เมกะวัตต์ โดยจะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าในเดือนมี.ค. และต.ค. 2565 และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเลที่ประเทศเวียดนาม (Mekong Wind) ซึ่งคาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ครบ 128 เมกะวัตต์ ภายในไตรมาส 2/2565 ประกอบกับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ของกลุ่ม GULF1 ซึ่งจะเริ่มทยอยเปิดดำเนินการอีกประมาณ 100 เมกะวัตต์ภายในปี 2565 ซึ่งทั้งหมดนี้ จะทำให้ GULF มีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งเพิ่มขึ้นจาก 7,875 เมกะวัตต์ ในปี 2564 เป็น 9,422 เมกะวัตต์ในปี 2565

 

 

นอกจากนี้ ในปี 2565 GULF จะเริ่มรับรู้กำไรเต็มปีจากโครงการโรงไฟฟ้า GSRC หน่วยที่ 1 และหน่วยที่ 2 และโครงการโรงไฟฟ้า DIPWP ระยะที่ 1 ที่ประเทศโอมาน ประกอบกับจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเต็มปีจากการลงทุนใน INTUCH ด้วย

 

น.ส.ยุพาพิน กล่าวต่อว่า คณะกรรมการบริษัท มีมติเห็นชอบให้นำเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 เพื่อพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผล สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัท ประจำปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2564 ในอัตราหุ้นละ 0.44 บาท หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลต่อกำไรสุทธิ เท่ากับ 88% โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 7 มี.ค. 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 28 เม.ย. 2565 ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ จะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 4 มี.ค. 2565 และกำหนดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 ในวันที่ 8 เม.ย. 2565

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง