SAF เจาะแผนโรงไฟฟ้า เพิ่มค่าพื้นฐานแกร่ง

#SAF #ทันหุ้น - SAF ชูแผนเจาะโรงไฟฟ้า ขยายฐานลูกค้าผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียม ด้านบอสใหญ่ “พิศิษฐ์ อริยเดชวณิช” ตั้งเป้ารายได้ปี 2567 โต 50% ดันอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) กลับสู่ระดับ 25-30% คลังใหม่พร้อมใช้เร็วๆ นี้
ดร.พิศิษฐ์ อริยเดชวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส.เอ.เอฟ.สเปเชียล สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ SAF ผู้นำธุรกิจเหล็กกล้าเกรดพิเศษคุณภาพระดับโลกและการให้บริการชุบแข็งสุญญากาศ เปิดเผยว่าทิศทางธุรกิจต่อจากนี้จะพ้นจุดต่ำสุด ส่วนแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/2566 คาดจะใกล้เคียงไตรมาส 3 ที่ผ่านมาโดยมีกำไรสุทธิ 0.78 ล้านบาท และมีรายได้ที่ 43.6 ล้านบาท หรือผลประกอบการจะไม่ลงไปถึงจุดไตรมาส 2/2566 เพราะส่วนหนึ่งในไตรมาส 2 วันหยุดเยอะ ขณะที่ไตรมาส 3 เริ่มกลับมามียอดขายเพิ่มขึ้น ส่วนในไตรมาส 4/2566 จะพยายามรักษาฐานผลประกอบการอยู่ในเกณฑ์บวก
ขยายฐานลูกค้า
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจปี 2567 บริษัทจะเดินหน้าขยายฐานลูกค้าผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียม ซึ่งบริษัทเริ่มดำเนินการตั้งแต่ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา และมีกระแสตอบรับดี แต่ในปัจจุบันสัดส่วนรายได้ไม่เยอะ อีกทั้งบริษัทเตรียมจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 2 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งหนึ่งผลิตภัณฑ์บริษัทได้รับการแต่งตั้งจากประเทศจีน
ส่วนหนึ่งผลิตภัณฑ์ได้รับการแต่งตั้งจากสิงคโปร์ สำหรับ 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่จะแยกเจาะกลุ่มลุกค้า โดยกลุ่มหนึ่งจะเจาะกลุ่มยานยนต์ และอีกกลุ่มหนึ่งจะเจาะกลุ่มโรงไฟฟ้า ปิโตรเคมี
นอกจากนี้บริษัทจะเพิ่มบริการ โดยทำซัพพลายเชน เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าโรงไฟฟ้า ล่าสุดบริษัทได้รับคำสั่งซื้อ จากโรงไฟฟ้าแล้วหนึ่งแห่ง มูลค่า 5 แสนบาท โดยจะส่งมอบภายในต้นปี 2567 นี้ ส่วนลูกค้ากลุ่มยานยนต์ และวัสดุก่อสร้างคาดต้องงบประมาณ หรือโปรเจ็กต์จากภาครัฐ จึงจะเห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจนโดยเฉพาะในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง
มาร์จิ้นกลับสู่ปกติ
บริษัทตั้งเป้าปี 2567 รายได้โต 50% จากปี 2565 โดยบริษัทจะใช้ฐานปี 2565 เป็นตัวตั้ง เพราะรายได้ปี 2566 มีแนวโน้มลดลงเล็กน้อย บริษัทจึงไม่เทียบการเติบโตกับปี 2566 ขณะเดียวกันคาดอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) จะกลับมาอยู่ที่ระดับเดิม 25-30% จาก ณ สิ้นไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ประมาณ 20% โดยบริษัทเตรียมสต็อกสินค้าพร้อมขาย เพื่อป้องกันราคาเหล็กที่กำลังจะปรับตัวสูงขึ้น
ประกอบกับคลังสินค้าใหม่ที่มีขนาด 2,000 ตันเมื่อรวมกับคลังสินค้าเดิมจะทำให้มีคลังสินค้าเป็น 4,000 ตัน จะก่อสร้างแล้วเสร็จ และพร้อมใช้งานประมาณต้นปี 2567 ซึ่งจะช่วยสร้างประสิทธิภาพในการจัดเก็บสินค้ารอขายได้เป็นอย่างดี อนึ่ง 9 เดือนแรกปี 2566 บริษัทมีรายได้แล้วที่ 130.09 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 0.11 ล้านบาท