รีเซต

จ่อเปลี่ยนชื่อ “เคนเนดี เซนเตอร์” เป็น “ทรัมป์-เคนเนดี เซนเตอร์”

จ่อเปลี่ยนชื่อ “เคนเนดี เซนเตอร์” เป็น “ทรัมป์-เคนเนดี เซนเตอร์”
TNN ช่อง16
19 ธันวาคม 2568 ( 20:07 )
10

แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกประจำทำเนียบขาว เปิดเผยถึงการเปลี่ยนขื่อศูนย์ศิลปะเพื่อการแสดง “จอห์น เอฟ เคนเนดี เซนเตอร์” โดยระบุว่า บอร์ดบริหารที่ทรัมป์แต่งตั้งขึ้น ซึ่งเป็นบุคคลผู้ประสบความสำเร็จจากหลายภาคส่วนของโลก ได้ลงมติเรื่องนี้อย่างเป็นเอกฉันท์แล้ว ที่จะเปลี่ยนชื่อจาก “แคนเนดี เซนเตอร์” เป็น “ทรัมป์-เคนเนดี เซนเตอร์” 


เลวิตต์ ระบุว่า การเปลี่ยนชื่อนี้ จะเป็นสิ่งที่ย้ำเตือนถึงผลงานที่ไม่คาดฝันของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ทำหลายต่อหลายอย่างเมื่อปีที่แล้วในการรักษาตึกแห่งนี้ไว้ ทั้งการบูรณะ ทุ่มงบประมาณ และสร้างชื่อเสียงให้อาคาร 


แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่า การเปลี่ยนชื่อสถาบัน จะสามารถทำได้เลยโดยที่ไม่ต้องผ่านความเห็นชอบของสภาคองเกรสหรือไม่?


ศูนย์ศิลปะเพื่อการแสดง “จอห์น เอฟ เคนเนดี เซนเตอร์” ตั้งอยู่ในกรุงวอชิงตัน ดีซี สร้างขึ้นเมื่อปี 1971  โดยเป็นที่ตั้งของคณะโอเปร่าแห่งชาติ (Washington National Opera) และ วงดุริยางค์ซิมโฟนีแห่งชาติ (National Symphony Orchestra) 

การก่อสร้างเริ่มขึ้นในปี 1964 เพียง 1 ปี หลังจากที่เคนเนดี ประธานาธิบดีคนที่ 35 ของสหรัฐฯ ถูกลอบสังหารระหว่างการปรากฎตัวในที่สาธารณะในเมืองดัลลัส เท็กซัส


แม้แนวคิดเกี่ยวกับศูนย์ศิลปะแห่งชาติจะมีมาก่อนยุคเคนเนดี แต่ผู้นำพรรคเดโมแครตผู้นี้ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้สนับสนุนการระดมทุน ซึ่งช่วยผลักดันให้โครงการนี้กลายเป็นจริงขึ้นมาได้


เดิมทีอาคารหลังนี้ถูกเรียกว่า “ศูนย์วัฒนธรรมแห่งชาติ” (National Cultural Center) แต่ในปี 1964 ลินดอน บี จอห์นสัน ประธานาธิบดีที่รับตำแหน่งต่อจากเคนเนดี ลงนามให้ตั้งชื่ออาคารเพื่อเป็นเกียรติให้กับเคนเนดี


ในเวลานั้นร่างกฎหมายของสภาคองเกรส ได้ประกาศว่า ศูนย์ศิลปะเพื่อการแสดง “เคนเนดี เซนเตอร์” แห่งนี้ จะทำหน้าที่เป็น “อนุสรณ์สถานที่มีชีวิต” แด่อดีตประธานาธิบดีผู้ล่วงลับ โดยในกฎหมายยังระบุด้วยว่า เคนเนดีเป็นผู้ที่ “อุทิศตนอย่างยิ่งต่อความก้าวหน้าของศิลปะการแสดง .. จึงเป็นเรื่องที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่สถานที่แห่งนี้จะอุทิศให้กับความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับอดีตประธานาธิบดีผู้ยิ่งใหญ่”

ทรัมป์ ผู้ต้องการเปลี่ยนแปลง


แต่ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้พยายามหลายต่อหลายอย่างที่จะจารึกความเป็นตัวตนของเขาให้เป็นที่จดจำให้ได้มากที่สุด ทั้งการทุบทำลายปีกฝั่งตะวันออกของทำเนียบขาวเพื่อสร้างบอลล์รูมใหม่ และยังมีแผนการที่จะสร้างซุ้มประตูชัยในกรุงวอชิงตัน ซึ่งมีสไตล์คล้ายกับ Arc de Triomphe ในกรุงปารีสอีกด้วย


อีกทั้งในเดือนนี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังประกาศว่า สถาบันคลังสมอง (Think Tank) สถาบันสันติภาพแห่งสหรัฐฯ (US Institute for Peace) ที่ก่อตั้งโดยสภาคองเกรส   ได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นชื่อของทรัมป์ เพื่อเป็นเกียรติแก่ ‘สุดยอดนักต่อรองในประวัติศาสตร์ของชาติ’”


และทรัมป์ก็เล็งศูนย์ศิลปะเคนเนดีแห่งนี้มาตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่ง โดยเพียง 1 สัปดาห์หลังทรัมป์เข้าสู่ทำเนียบขาว  เดโบราห์ รุตเตอร์ ผู้อำนวยการเคนเนดี เซนเตอร์ ก็ประกาศลาออก ท่ามกลางกระแสข่าวลือว่าถูกกดดันอย่างหนักจากทรัมป์


“ด้วยทิศทางการบริหารของผม ผมจะทำให้ศูนย์เคนเนดีแห่งนี้ ยิ่งใหญ่อีกครั้ง!” ทรัมป์กล่าว


หนึ่งในสาเหตุที่ทรัมป์ต้องการเข้ามีส่วนร่วมในการบริหาร เพราะเขาไม่พอใจอย่างยิ่งต่อการแสดงหลายชุดที่จัดในศูนย์ศิลปะแห่งนี้ อาทิ ปีที่แล้วมีการแสดง Drag Shows ที่ทรัมป์ระบุว่า เป็นการพุ่งเป้าไปที่เยาวชน และโชว์เหล่านี้ควรต้องยุติลง! 


“ศูนย์เคเนดี เป็นสมบัติล้ำค่าของอเมริกา และจะต้องสะท้อนความเป็นดวงดาวที่สุกสว่างบนฟากฟ้า ด้วยงานแสดงที่ล้ำค่าของชาติ”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง