EU เห็นชอบ “ยูโรดิจิทัล” เริ่มทดสอบปี 2027

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาลประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปตกลงกันได้ในจุดยืนร่วมเกี่ยวกับยูโรดิจิทัล ซึ่งถือเป็นหมุดหมายสำคัญของโครงการที่ถูกมองว่าเป็นเรื่องจำเป็นต่ออธิปไตยทางการเงินของกลุ่มประเทศ และต่อบทบาทของเงินสกุลร่วมในระดับโลก ในช่วงที่สหรัฐฯ กำลังโปรโมตสเตเบิลคอยน์ที่อ้างอิงค่าเงินดอลลาร์

สเตฟานี โลเซ รัฐมนตรีเศรษฐกิจเดนมาร์ก กล่าวว่า“ยูโรดิจิทัลเป็นก้าวสำคัญไปสู่ระบบการชำระเงินของยุโรปที่แข็งแกร่งและสามารถแข่งขันได้มากขึ้น และสามารถมีส่วนช่วยต่อความเป็นอิสระเชิงยุทธศาสตร์และความมั่นคงทางเศรษฐกิจของยุโรป ตลอดจนบทบาทระหว่างประเทศของเงินยูโรที่แข็งแกร่งขึ้น” 

ทั้งนี้ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เริ่มผลักดันโครงการยูโรดิจิทัลในปี 2564 แต่ยังคงรอกรอบกฎหมายที่จำเป็นอยู่ คณะกรรมาธิการยุโรปได้ออกข้อเสนอในปี 2566 อย่างไรก็ตามต้องใช้เวลามากกว่าสองปีกว่าประเทศสมาชิกจะตกลงกันได้ในแนวทางร่วม ขั้นต่อไปคือรัฐสภายุโรปต้องสรุปจุดยืนของตัวเองก่อน จึงจะเริ่มการเจรจาระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติกับสภาได้

หากรัฐบาลประเทศสมาชิกและรัฐสภาบรรลุข้อตกลงกันได้ในปีหน้า ECB อาจเริ่มระยะนำร่องในปี 2570 โดยมีความเป็นไปได้ที่จะเปิดใช้งานจริงในปี 2572 ผู้กำหนดนโยบายกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ เกี่ยวกับการพึ่งพาบริษัทสหรัฐฯ อย่าง Visa, Mastercard และ PayPal ในการชำระเงินมากเกินไป นอกจากนี้ ยังมีความกังวลหมุนเวียนว่า สเตเบิลคอยน์ที่ได้รับการผลักดันโดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ อาจเข้ามายึดพื้นที่ในยุโรปได้

ในเดือนตุลาคม นาวาร์เรเต ซึ่งเป็นสมาชิกของพรรค European People’s Party (EPP) ฝ่ายกลาง-ขวา ได้เผยแพร่รายงานของเขา โดยเสนอให้มีเวอร์ชันออนไลน์เท่านั้น หากภาคเอกชนไม่สามารถคิดหาทางออกของตัวเองได้ ECB ได้โต้กลับแนวคิดนี้ โดยระบุว่าจำเป็นต้องมีทั้งสองเวอร์ชันเพื่อให้ได้รับประโยชน์เต็มที่จากเงินดิจิทัล

แถลงการณ์ของสภา ยังวางกรอบว่าผู้ให้บริการชำระเงินจะได้รับการชดเชยอย่างไร โดยระบุว่า “ในช่วงเปลี่ยนผ่านอย่างน้อยห้าปี ค่าธรรมเนียม interchange และค่าบริการร้านค้า  จะถูกกำหนดเพดานไว้ในระดับที่อิงจากค่าธรรมเนียมของวิธีการชำระเงินที่เทียบเคียงกันได้” และ “หลังจากช่วงเปลี่ยนผ่าน เพดานค่าธรรมเนียมจะถูกกำหนดโดยอิงจากต้นทุนจริงที่เกี่ยวข้องกับยูโรดิจิทัล”