รีเซต

สธ. เผยไทยฉีดวัคซีน บรรลุเป้า 50% ก่อนสิ้นเดือน จับตาคลัสเตอร์ย่อย หมอติดเชื้อ 67 คน

สธ. เผยไทยฉีดวัคซีน บรรลุเป้า 50% ก่อนสิ้นเดือน จับตาคลัสเตอร์ย่อย หมอติดเชื้อ 67 คน
มติชน
25 ตุลาคม 2564 ( 14:49 )
21
สธ. เผยไทยฉีดวัคซีน บรรลุเป้า 50% ก่อนสิ้นเดือน จับตาคลัสเตอร์ย่อย หมอติดเชื้อ 67 คน

เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ที่ กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน แถลงข่าวประเด็นสถานการณ์โควิด-19 ว่า สถานการณ์โลกติดเชื้อใหม่ 3.8 แสนราย สะสม 244 ล้านราย เสียชีวิตใหม่ 4.4 พันราย สะสม 4.9 ล้านราย การรายงานแต่ละวันอาจแกว่งตัว แต่ถ้าดูค่าเฉลี่ย 7 วันจะอยู่ที่ 4 แสนรายต่อวัน ส่วนจำนวนเสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 7 พันราย ประเทศที่ติดเชื้อสะสมสูงสุด เช่น สหรัฐอเมริกา รายใหม่ 1.6 หมื่นราย สะสม 46 ล้านราย เสียชีวิต 138 ราย อินเดีย ติดเชื้อ 1.4 หมื่นราย สะสม 34 ล้านราย เสียชีวิต 444 ราย อย่างไรก็ตาม เมื่อเราดูจากกราฟจะพบว่าตัวเลขติดเชื้อและเสียชีวิตของทั่วโลก มีความเป็นคลื่น ฉะนั้น เราต้องระมัดระวัง หลายประเทศฉีดวัคซีนครอบคลุมกว้าง แต่จำนวนติดเชื้อก็กลับมาสูงได้ วัคซีนที่ฉีดทุกชนิดยังติดเชื้อได้แต่อาการจะไม่รุนแรง ลดความเสี่ยงเสียชีวิตได้มาก ทั้งนี้ ประเทศไทยผ่านจุดการพบผู้ติดเชื้อใหม่สูงสุดกว่า 2 หมื่นรายมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า สถานการณ์โควิดในไทย เราแบ่งพื้นที่จับตาเป็นภาพรวมประเทศพบว่าลดลง สอดคล้องกับกรุงเทพมหานคร(กทม). และปริมณฑล แต่ชายภาคใต้จะต่างออกไป พบการติดเชื้อ 23% ขณะที่จังหวัดอื่นๆ พบติดเชื้อ 60% ยังคงทรงตัวไม่ได้ลดลงอย่างกทม.และปริมณฑลที่เห็นได้ชัดเจน โดยแบ่งจังหวัดจับตาออกมา 6 จาก 10 จังหวัด(Watch list) ได้แก่ นครศรีธรรมราช ตาก ระยอง จันทบุรี และที่มีแนวโน้มเพิ่ม คือ เชียงใหม่ และขอนแก่น ซึ่งเราพบคลัสเตอร์เกี่ยวกับตลาด อย่างแล้ว 6 จังหวัดดังกล่าวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 19% จึงเรียกได้ว่า แนวโน้มภาพรวมลดลง แต่มีบางพื้นที่คงตัว ไม่ลดลงเท่าที่ควร หรือเพิ่มขึ้นอยู่บ้าง เราก็ต้องให้ความสำคัญมุ่งเน้น จับตาโดยละเอียด

 

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ผู้ป่วยโควิด-19 ที่เป็นกลุ่มก้อน ข้อมูลวันที่ 25 ต.ค.64 จะพบกลุ่มเล็กหลายจุด ไม่ใหญ่เหมือนที่พบขณะที่มีการระบาด พบใน 1.บุคลากรการแพทย์ กทม.และปริมณฑล 15 รายต่างจังหวัด 52 ราย เนื่องจากสัมผัสกับผู้ที่มีความเสี่ยง จึงขอให้ประชาชนบอกเจ้าหน้าที่ว่าตัวเองมีความเสี่ยง เพราะเราไม่ต้องการให้เกิดผลกระทบต่อการดูแลผู้ป่วย 2.เรือนจำ พบที่ตรัง 163 ราย 3.โรงงาน พบที่ประจวบคีรีขันธ์ 31 ราย 4.กลุ่มแรงงาน พบที่แม่ฮ่องสอน 3 ราย แม้ดูไม่เยอะแต่ต้องติดตามว่าจะสะสมมากขึ้นหรือไม่ 5.ชุมชนและตลาด พบที่ลพบุรี 60 ราย เชียงใหม่ 119 ราย เพชรบุรี 10 ราย และ 6.แคมป์ก่อสร้าง พบที่เชียงใหม่ 4 ราย

 

นพ.เฉวตตสรร กล่าวว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของไทยสะสม 70,505,802 โดส เข็ม 1 ฉีดแล้ว 39.9 ล้านโดสคิดเป็น 55.5% ซึ่งผ่านเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าปลายเดือน ต.ค. จะต้องฉีดได้ 50% เข็ม 2 ฉีดแล้ว 28.37 ล้านโดสคิดเป็น 39.4% เมื่อแบ่งตามรายจังหวัด พบว่า จังหวัดที่ฉีดได้ 40-49% มี 36 จังหวัด ฉีดมากกว่า 50% มี 25 จังหวัด ฉีดมากกว่า 50-69% มี 56 จังหวัด และฉีดมากกว่า 70% มี 11 จังหวัด ได้แก่ กทม. ปทุมธานี สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา ชลบุรี กระบี่ พังงา ภูเก็ต ระนอง สุราษฏร์ธานี และ ตรัง ขณะที่พื้นที่นำร่องท่องเทีย่ว 17 จังหวัด ในภาพรวม ฉีดเข็ม 1 แล้ว 76% มากที่สุดคือ กทม. 107.4% ภูเก็ต 82.7% ส่วนจังหวัดที่ฉีดเกิน 50% ก็เพิ่มขึ้นหลายจังหวัด อย่างไรก็ตาม จังหวัดที่ต้องจับตา 10 จังหวัด ได้แก่ ตาก ราชบุรี จันทบุรี ระยอง นครราชสีมา นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา ภาพรวมเข็ม 1 ฉีดแล้ว 48.7% ส่วนสงขลาฉีดได้ 56.5% และระยอง 57.7% ส่วนการฉีดในกลุ่มผู้สูงอายุเข็ม 1 ฉีดแล้ว 54.9% มากที่สุดคือ สงขลา 59% ระยอง 66.3% และนครศรีธรรมราช 62.7% และการฉีดในกลุ่มผู้ที่มีโรคประจำตัว ภาพรวมฉีดแล้ว 63.6%

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จังหวัดนำร่องท่องเที่ยว 17 จังหวัด ฉีดวัคซีนเข็ม 1 แล้ว 76.2% ได้แก่ เชียงใหม่ 57.3% ประจวบคีรีขันธ์ 55.4% เพชรบุรี 57.8% ชลบุรี 79.3% สมุทปราการ 72.4% ระยอง 57.7% ตราด 53.2% เลย 45.6% หนองคาย 45.4% อุดรธานี 45% บุรีรัมย์ 54.4% ภูเก็ต 82.7% สุราษฏร์ธานี 49.2% กระบี่ 59.1% พังงา 63.7% ระนอง 62.1% และ กทม. 107.4%
///////////////////////

ข่าวที่เกี่ยวข้อง