รีเซต

ศธ.-สธ.แถลงความพร้อมเปิดเรียน 1 พ.ย.นี้ ทยอยเปิดเป็นบางพื้นที่ก่อน

ศธ.-สธ.แถลงความพร้อมเปิดเรียน 1 พ.ย.นี้ ทยอยเปิดเป็นบางพื้นที่ก่อน
TNN ช่อง16
28 ตุลาคม 2564 ( 10:29 )
121

แฟ้มภาพ

วันนี้ (28ต.ค.64) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงความพร้อมเปิดเรียน 1 พฤษจิกายนนี้ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม นำโดย นางสาวตรีนุช  เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค  และนพ.สราวุฒิ บุญสุขรองอธิบดีกรมอนามัย 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ระบุว่า ตั้งแต่มีการแพร่ระบาดโควิด 19 ทางกระทรวงศึกษาธิการได้มีการตระหนักถึงการเรียนการสอน ในการปรับการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับสถานภาพพื้นที่การเรียนรู้ในบริบทที่แตกต่างกัน  โดยการเรียนรู้ที่ดีที่สุดคือ การที่เด็กได้กลับเข้าสู่ห้องเรียนในการเรียนรู้ได้ทุกด้านครอบคลุม ขณะที่การเรียนออนไลน์ ยอมรับว่า อาจจะเป็นการสร้างความเครียดให้กับเด็กๆ ถึงได้มีการเร่งรัดการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในกลุ่มให้เด็ก 12 - 18 ปี ทั้งนี้มีนักเรียนทุกสังกัด กว่า 5 ล้านคน  โดยมี นักเรียน 3.8 ล้านคน ที่ผู้ปกครองมีความประสงค์ในการฉีดวัคซีนโควิด ในครั้งนี้เบื้องต้นมีการฉีดวัคซีนโควิดไปแล้ว 2.5 ล้านคน 

ขณะที่บุคลากรทางการศึกษาที่มีกว่า 9 แสนคน ได้มีการเร่งรัดเรื่องวัคซีนเพื่อฉีดให้ได้ครอบคลุม โดยเข็มแรก ฉีดไปแล้วร้อยละ85 ซึ่งเหลืออีกบางส่วนประมาณ 1.1 แสนคนที่จะทยอยฉีดจนครบ 

สำหรับการประกาศ เปิดภาคเรียน 1 พฤศจิกายน จะอยู่ภายใต้มาตรการสาธารณสุขที่เคร่งครัด ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็จะแตกต่างกันออกไป มาตรการสำคัญที่ทุกโรงเรียนจะต้องปฏิบัติ คือ การเว้นระยะห่างทางสังคม การปรับสภาพแวดล้อมตามมาตรการสาธารณสุขและทุกโรงเรียนจะต้องมีแผนเผชิญเหตุหากพบสถานการณ์การติดเชื้อภายในโรงเรียน จะเป็นการทยอยเปิดเรียนเป็นบางพื้นที่ก่อน แต่ยังคงไม่เปิดพร้อมกันทั้งหมด

ข้อมูล สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ระบุว่า ได้สำรวจจำนวนโรงเรียน ว่า ในภาคเรียนที่ 2/2564 พบว่ามีทั้งขอเปิดแบบ on-site 100% หรือ on-site ส่วนใหญ่ รวมกว่า 10,000 โรงเรียน มีบางแห่งขอใช้รูปแบบผสมผสาน และมีบางพื้นที่ที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดยังไม่ให้เปิดแบบ on-site ในวันที่ 1พ.ย.นี้ แต่ให้เลื่อนไปเปิดวันที่ 15 พ.ย.2564 แทน 

ทั้งนี้ การเปิดโรงเรียน จะมีการประเมินจากพื้นที่การแพร่ระบาดว่าอยู่ในพื้นที่ไหน ตามโซนสี รวมถึงปริมาณการฉีดวัคซีนโควิดของครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยเฉพาะพื้นที่สีแดงและสีแดงเข้ม ครูและบุคลากรจะต้องฉีดวัคซีนครบทั้งสองเข็มร้อยละ 85  และเสนอเรื่องไปที่คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดให้ความเห็นชอบ หากได้รับความเห็นชอบก็สามารถเปิดเรียนในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ได้



ขณะที่อธิบดีกรมควบคุมโรค  ระบุว่า ในการฉีดวัคซีนโควิด 19 ให้กับเด็กอายุ 12 -18 ปี ตอนนี้มีการแจ้งความประสงค์เข้ารับการฉีดวัคซีมเพิ่มอีก 5 แสนคน ซึ่งกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขได้ทยอยจัดสรรวัคซีนลงไปยังพื้นที่ต่างๆเพิ่มเติมแล้ว

ส่วนผลข้างเคียงของวัคซีนไฟเซอร์ ที่ผู้ปกครองกังวล โดยเฉพาะภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ อธิบดีกรมควบคุมโรคระบุว่า อาการดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้แต่เกิดน้อย และสามารถรักษาหายได้ 

ข้อมูลทางการแพทย์ เมื่อเด็กติดเชื้อโควิด ภายนอกเหมือนไม่มีอาการ แต่ภายใน อวัยวะเกิดการอักเสบและส่งผลต่อระยะยาว ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์จึงเห็นพ้องต้องกัน ว่าการฉีดวัคซีนโควิดมีประโยชน์ โดยแนะนำให้เด็ดเข้ารับวัคซีน เพียงแต่ให้มีความระมัดระวัง  หากฉีดครบ 2 เข็มแล้วควรพักร่างกายงดออกกำลังกายประมาณ 7 วัน ขอให้ผู้ปกครองมั่นใจในวัคซีนที่มีการฉีดให้กับเด็ก 

ส่วนการฉีดวัคซีนในเด็กเล็ก 3-11ปี ตอนนี้ยังไม่อนุญาตในการเข้ารับการฉีด แต่ล่าสุดหลายประเทศ ได้มีการฉีดวัคซีนโควิดในเด็กประถมบ้างแล้ว ทำให้ตอนนี้กระทรวงสาธารณสุข ได้เร่งให้บริษัทที่เกี่ยวข้องมาขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิดในเด็กเล็ก กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หากมีการอนุญาตก็จะมีการพิจารณาฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็กมีต่อไป  เบื้องต้นทั่วโลกตอนนี้หลายบริษัทกำลังผลิตวัคซีนที่ฉีดในเด็กมากขึ้น

ข้อมูลจากศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กระทรวงศึกษาธิการ ภาพรวมจำนวนนักเรียนที่ฉีดวัคซีนรายภาค 27 ตุลาคม 12-ปีขึ้นไป ประสงค์ฉีด 3,817,727 คน  ฉีดไปแล้ว 2,544,267 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 66.64 

ส่วนบุคลากรทางการศึกษา ฉีดวัคซีนเข็ม1 ไปแล้ว 782,010 คน เข็ม2 522,133 คน ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน 112,377 คน

ขณะที่ นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน ระบุว่า กระทรวงศึกษาธิการ ยืนยันเปิดเรียนทั้งหมดพร้อมกันทั่วประเทศ 1 พ.ย. 64 แต่จะเปิดเรียน on-site ได้หรือไม่ โรงเรียนต้องผ่านการ ประเมินตนเอง หรือ Thai stop covid plus และ ผ่านการประเมินคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด 

ส่วนโรงเรียนขนานเล็ก ที่มีนักเรียนห้องละไม่เกิน 25 คน สามารถเปิดเรียนได้เต็มรูปแบบ แต่ถ้าโรงเรียนไหนมีนักเรียนในห้องเกิน 25 คนอาจจะให้สลับวันเรียน online และon-site ส่วนกศน.ทำกิจกรรมในโรงเรียน หากเป็นกิจกรรมที่สุ่มเสี่ยงเช่น กีฬาสี เข้าค่าย ให้งดไปก่อนเพราะเสี่ยงต้อการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อน 

ส่วนการเดินทางของนักเรียน ได้ขอความร่วมกับกระคมนาคม ให้เข้มมาตรการกับคนขับรถรับส่งนักเรียร เช่น คนขับต้องได้รับวัคซีนครบ 3 โดส 

นายอัมพร ยืนยันว่า ต้องการเปิดเรียน on-site ให้ได้มากที่สุด ซึ่งการเปิดเทอม สพฐ.ใช้โรงเรียนเป็นฐานในการประเมินสถานการณ์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ปกครองและมุ่งเน้นไปที่ การเตรียมความพร้อมของโรงเรียน นักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งมาตรการการเปิดเรียนจะต้องเป็นไปตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้



ภาพจาก ผู้สื่อข่าว TNN ช่อง 16 / TNN ONLINE

ข่าวที่เกี่ยวข้อง