74% ผู้นำธุรกิจเชื่อ เลือกตั้งสหรัฐฯ 2024 กระทบอุตสาหกรรมเทคฯ ครั้งใหญ่
เอิร์นส์ แอนด์ ยัง แอลแอลพี (Ernst & Young LLP) บริษัทผู้ให้บริการยักษ์ใหญ่ระดับโลกจากประเทศอังกฤษ เปิดเผยผลสำรวจเทคโนโลยีล่าสุด ซึ่งสำรวจความคิดเห็นของผู้นำในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่มีต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยสำรวจผู้นำอุตสาหกรรมเทคโนโลยีจำนวน 503 ราย ดำเนินการระหว่างเดือนกันยายน - ตุลาคม 2024 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามคาดหวังว่าผลการเลือกตั้งของสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบต่อการกำกับดูแลปัญญาประดิษฐ์ (AI) การเสนอขายหุ้นครั้งแรกของบริษัทให้กับสาธารณะชน (IPO) รวมถึงนวัตกรรมและการแข่งขันระดับโลก
ที่มา : Pexels
ผู้นำอุตสาหกรรมเทคโนโลยีร้อยละ 74 คิดว่าผลของการเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกา 2024 ที่กำลังจะมาถึงนี้ จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคสหรัฐฯ อย่างมหาศาลในการก้าวข้ามคู่แข่งเทคระดับโลกอื่น ๆ ในอีก 2 - 4 ปีข้างหน้า ที่น่าสังเกตคือ พวกเขาคิดว่าผลลัพธ์ของการเลือกตั้งสหรัฐฯ จะส่งผลต่อด้านการกำกับดูแล เช่น การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ การปกป้องข้อมูล AI การเรียนรู้ของเครื่องจักร (Machine Learning) และการกำกับดูแลข้อมูลของผู้ใช้งาน
ผู้เข้าร่วมสำรวจระบุว่าความคืบหน้าในอนาคตต่อการเติบโตของ AI อาจขึ้นอยู่กับผลของการเลือกตั้ง แต่ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็ตาม ตอนนี้พวกเขาวางแผนที่จะเพิ่มการลงทุนด้าน AI ในอีก 12 เดือนข้างหน้านี้ โดยภาคส่วนเฉพาะที่จะลงทุน ได้แก่ การจ้างบุคลากรที่มีความสามารถเฉพาะด้าน AI (ร้อยละ 60) การทำงานเกี่ยวกับ Back-Office (ร้อยละ 45) รวมไปถึงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (ร้อยละ 49)
นอกจากนี้ผลการเลือกตั้งอาจส่งผลต่อทิศทางของนโยบายการเงิน ภาษี ภาษีศุลกากร การต่อต้านการผูกขาด กฎระเบียบ และผลกระทบที่เกิดขึ้นต่ออัตราดอกเบี้ย การควบรวมกิจการและการซื้อกิจการ IPO และกฎระเบียบด้าน AI
เจมส์ บรันเดจ (James Brundage) หัวหน้าภาคส่วนเทคโนโลยีระดับโลกและอเมริกาของ EY กล่าวว่า “ตลาดเทคโนโลยีที่ซบเซาในปี 2024 มีแนวโน้มที่ดีในปี 2025 เนื่องจากบริษัทต่าง ๆ มุ่งเน้นไปที่การลงทุนเพื่อให้เทคโนโลยีเติบโตและสร้างเทคโนโลยีใหม่ ๆ”
สำหรับการสำรวจนี้ ได้ดำเนินการออนไลน์กับผู้นำธุรกิจที่ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ รองประธาน รองประธานอาวุโส รองประธานบริหาร ผู้บริหารระดับสูง หรือประธาน ที่ทำงานในองค์กรที่มีพนักงานมากกว่า 5,000 คน โดยระดับความเชื่อมั่นของการสำรวจอยู่ที่ร้อยละ 95
ที่มาข้อมูล EY
ที่มารูปภาพ Reuters