รีเซต

ไปรษณีย์ ครบ 137 ปี แค่ครึ่งปี63 กวาดรายได้ 12,937 ลบ.

ไปรษณีย์ ครบ 137 ปี แค่ครึ่งปี63 กวาดรายได้ 12,937 ลบ.
มติชน
7 สิงหาคม 2563 ( 01:29 )
99

ไปรษณีย์ ครบ 137 ปี แค่ครึ่งปี63 กวาดรายได้ 12,937 ลบ. ไม่หวั่นโควิด-19 ทำหั่นงบลงทุน 50% เล็งดึงดิจิทัลเพิ่มขีดความสามารถ​

 

นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เปิดเผยว่า รายได้รวมช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม​-มิถุนายน)​ ของปี 2563 อยู่ที่ 12,937.57 ล้านบาท ซึ่งเป็นกำไรกว่า 864.99 ล้านบาท โดย​เป้ารายได้ทั้งปี 2563 ที่คาดการณ์ไว้ก่อนสถานการณ์​การแพร่ระบาด​ของ​ไวรัส​โค​วิด​-19 อยู่ที่ 30,000 ล้านบาท เบื้องต้น​จาก​การแพร่ระบาด​ของ​ไวรัส​โค​วิด​-19 ทำให้ยอดส่งไปรษณีย์ต่างประเทศลดลงกว่า 100 ล้านบาท ดังนั้น ในปีนี้รายได้อาจได้รับผลกระทบ จึงต้องปรับลดการลงทุนในสิ่งที่ยังไม่เร่งด่วน เช่น จากเดิมต้องขยายสาขา ก็เน้นปรับปรุงสาขาเก่าแทนการสร้างใหม่ และสร้างใหม่เฉพาะในพื้นที่ที่จำเป็น โดยอาจเปลี่ยนรูปแบบเป็นการเช่าแทนการสร้างเอง เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดเงินลงทุนปีนี้ได้ 50% จากที่คาดว่าจะลงทุน มูลค่า​ 3,000-4,000 ล้านบาท

 

 

นายก่อกิจ กล่าวว่า จากนี้ ปณท จะเน้นการทำงานร่วมกับพันธมิตรแทนการเขียนสัญญาจัดซื้อจัดจ้างซึ่งต้องมีกระบวนการยาวนาน โดยเร็วๆ นี้ จะมีโครงการสร้างตู้ฝากเอกสารชาญฉลาด ในลักษณะคล้ายกับตู้ไอบล็อก​ เพื่อให้ลูกค้าสามารถรับเอกสารในตู้ดังกล่าวแทนการเดินทางไปรับที่ที่ทำการ ปณท ในกรณีที่พนักงานไปรษณีย์จัดส่งให้ลูกค้าแล้วไม่อยู่บ้าน

 

“ตู้ดังกล่าวต้องมีประสิทธิภาพในการจัดเก็บของ เช่น สามารถเก็บยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการทำงานร่วมกับองค์การเภสัชกรรม เป็นต้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการร่างสัญญาจ้างที่ปรึกษา คาดว่าจะได้บริษัทที่ปรึกษาภายในเดือนกันยายน​นี้ เพื่อทำหน้าที่วางแผนการบริหารจัดการโครงการให้มีตู้ดังกล่าว 30,000 ตู้ ภายใน 3 ปี ซึ่ง​คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในกลางปี 2564” นายก่อกิจ กล่าว

 

 

ทั้งนี้​ เนื่องจากสถานพยาบาลต่างๆ มีความต้องการบริการรูปแบบนี้จำนวนมาก เพื่อลดการมาโรงพยาบาล ให้สามารถไปรับยาใกล้บ้านได้สะดวก ซึ่งตู้ฝากยานี้ อาจจะตั้งอยู่ในพื้นที่ ปณท พื้นที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) หรือพื้นที่หน่วยงานรัฐ เป็นต้น

 

นอกจากนี้ กำลังจะมีโครงการร่วมกับธนาคารกรุงไทย ในการเป็นตัวกลางเพื่อรับชำระค่าภาษีโรงเรือนให้กับประชาชนแทนการเดินทางไปชำระเองที่สำนักงานเขต รวมถึงจะมีการเป็นตัวแทนจำหน่ายโปรแกรมออฟฟิศ 365 ของไมโครซอฟท์ เพื่อให้องค์การบริหารส่วนตำบล สามารถหาซื้อโปรแกรมได้สะดวกกว่าการตั้งงบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้างเอง

 

นายก่อกิจ กล่าวว่า นโยบายการดำเนินงานในอนาคตของ ปณท จะพัฒนากลุ่มธุรกิจที่เคยเป็นฐานรายได้หลัก คือ กลุ่มธุรกิจไปรษณียภัณฑ์ดั้งเดิมประเภทจดหมายไปสู่รูปแบบดิจิทัล โดยจะพัฒนาระบบการจัดการด้านเอกสารอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจรให้กับภาครัฐภาคธุรกิจและภาคประชาชนมีความปลอดภัยเป็นมาตรฐานเดียวกันได้รับการยอมรับในเชิงกฎหมายทั้งในประเทศและระหว่างประเทศเพื่อตอบโจทย์การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคต ซึ่ง​ถือเป็นการปรับโฉมบริการดั้งเดิมให้เป็นบริการรูปแบบใหม่ที่จะรักษาฐานรายได้เดิมเอาไว้สร้างฐานรายได้ใหม่

 

“ปณท ต้องนำเทคโนโลยีปรับใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการการปรับปรุงรถยนต์ขนส่งให้เป็นรถควบคุมอุณหภูมิ เพื่อรักษาคุณภาพของสิ่งของฝากส่งไม่ให้เสียหายระหว่างทางรองรับการจัดส่งผลผลิตทางการเกษตรที่มีปริมาณมากขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการสนองนโยบายของรัฐในการแก้ไขปัญหาเรื่องราคาสินค้าเกษตรตกต่ำพร้อมทั้งเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้กับเกษตรกรผ่านไปรษณีย์และเว็บไซต์ thailandpostmart” นายก่อกิจ กล่าว

 

นายก่อกิจ กล่าวว่า ปณท จะร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มศักยภาพการให้บริการให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการได้ดียิ่งขึ้น เพื่อพัฒนาให้การรับฝากและนำจ่ายสิ่งของในปัจจุบันไปสู่ระบบการให้บริการอัตโนมัติโดยร่วมกับธนาคารพาณิชย์ในการเป็นตัวแทนธนาคารให้บริการรับฝาก-ถอนเงินและในอนาคตจะมีการร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ให้บริการยืนยันตัวตน แก่ผู้ใช้บริการที่ต้องการเปิดบัญชีเงินฝาก ที่เคาน์เตอร์บริการ ปณท ทั่วประเทศ รวมทั้งใช้ความเชี่ยวชาญของ บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด ซึ่งเป็น บริษัท ลูกของไปรษณีย์ไทยมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งการส่งสิ่งของขนาดใหญ่ (จีทูจี/บีทูบี) การจัดเก็บสินค้าในคลังสินค้าการนำจ่ายถึงบ้านและการส่งคืนสินค้าให้ผู้ฝาก

 

ทั้งนี้​ ปณท มุ่งมั่นในการพัฒนาศักยภาพของคนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการบูรณาการทำงานสร้างบริการที่สามารถรองรับความต้องการผู้ใช้บริการทุกกลุ่มได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม พร้อมเดินหน้าพัฒนาคุณภาพการให้บริการเพื่อเป็นผู้ให้บริการสื่อสารและขนส่งโลจิสติกส์ที่คนไทยจะไว้วางใจได้เสมอ

 

สำหรับวาระครบรอบ 137 ปีไปรษณีย์ไทยเปิดตัวโครงการ ไปรษณีย์ reBOX ร่วมกับ บริษัท เอสซีจีแพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) รวบรวมซองกระดาษและกล่องพัสดุที่ไม่สามารถใช้ได้แล้วเข้าสู่กระบวนการแปรรูปเป็นชุดโต๊ะเก้าอี้เพื่อใช้ประโยชน์ทางการศึกษาส่งมอบเป็นของขวัญปีใหม่ 2564 ให้น้องๆ นักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนเพื่อให้เด็กๆ ได้มีอุปกรณ์การเรียนที่เพียบพร้อมและเป็นการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นด้วยการลดปริมาณขยะให้น้อยลงปูทางไปสู่เศรษฐกิจสีเขียวอย่างเต็มรูปแบบโดยผู้ที่สนใจสามารถรวบรวมซองกระดาษและกล่องพัสดุฯ มาส่งได้ที่ไปรษณีย์ไทยในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลไปรษณีย์จังหวัดและศูนย์ไปรษณีย์รวมทั้งสิ้น 141 แห่งตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม-31 ตุลาคมนี้

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง