สหรัฐ VS จีน ซื้อขายอะไรกันบ้าง ? ส่องสินค้าเจ็บหนักจาก "ภาษีทรัมป์"

สงครามการค้าระหว่าง สหรัฐ และ จีน
รบรากันด้วยภาษี เมื่อผลัดกันขึ้นภาษี จนกลายเป็นกำแพงภาษีที่สูงสุดในช่วง 100 ปี
เช่น สหรัฐที่เรียกเก็บภาษีศุลกากรนำเข้าสินค้าจีนในบางรายการสูงถึง 245 %
ส่วนจีนก็ขึ้นภาษีนำเข้าไปยังสหรัฐสูงกว่า 125 % มีผลตั้งแต่ 12 เมษายน 2568
แม้ว่าล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐจะส่งสัญญาณว่าจะถึงจุดสิ้นสุดของการขึ้นภาษีกับจีนแล้ว เพราะกระทบกับการค้า
แต่ถ้าภาษีนำเข้ายังสูงได้ระดับดังกล่าวจริง จะส่งผลกระทบกับคนทั้ง 2 ชาติ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เนื่องจากภาษีเหล่านี้จะถูกผลักไปยังผู้บริโภค หรือคนภายในประเทศที่ซื้อสินค้าต่างๆ
มาสู่คำถามที่ว่า แล้ว "สหรัฐ กับ จีน ซื้อขายอะไรกันบ้าง? "
สินค้าอะไรบ้างที่จะแพงขึ้นจากภาษีตอบโต้
เพราะทั้ง 2 ชาติต่างซื้อขายสินค้ากันจำนวนมาก คิดแล้วเป็นมูลค่ากว่า รวมมูลค่าการค้า 582.4 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2024
อ้างอิงจากข้อมูลของ USTR
"สินค้าสหรัฐ" ส่งออก จีน ในปีที่ผ่านมา มูลค่าส่งออก 143.5 พันล้านดอลลาร์
ลดลง 2.9 % (4.2 พันล้านดอลลาร์) จากปี 2023
สมาร์ทโฟน
คอมพิวเตอร์
แบตเตอรี่ไฟฟ้า
ชิ้นส่วนและอุปกรณ์รถแทรกเตอร์
ของเล่นมีล้อ
โคมไฟ
เฟอร์นิเจอร์และส่วนประกอบ
อุปกรณ์ทำจากพลาสติก
"สินค้าจีน" นำเข้า สหรัฐ ในปีที่ผ่ามา มูลค่านำเข้า 438.9 พันล้านดอลลาร์
เพิ่มขึ้น 2.8 % (12.1 พันล้านดอลลาร์) จากปี 2023
ถั่วเหลือง
วงจรรวม
สินค้าภูมิคุ้มกัน เช่น วัคซีน
ก๊าซปิโตรเลียม
น้ำมันปิโตรเลียม
รถยนต์
อุปกรณ์และชิ้นส่วนผลิตวงจรรวม
เครื่องมือแพทย์
รวมแล้วเท่ากับว่าสหรัฐอเมริกา ขาดดุลการค้า จีน 295.4 พันล้านดอลลาร์
เพิ่มขึ้น 5.8 % (16.3 พันล้านดอลลาร์) จากปี 2023
ทั้งนี้ "ภาษีทรัมป์" เริ่มต้นประกาศอย่างเป็นทางการ ในวันปลดแอก 2 เมษายน 2568
ประธานาธิบดีทรัมป์กำหนดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากทุกประเทศในอัตรา 10%
กำหนดอัตราภาษีศุลกากรแบบต่างตอบแทนต่อประเทศที่สหรัฐขาดดุลการค้า 10-50 %
ทั้งนี้อยู่ระหว่างระงับใช้ชั่วคราว 90 วัน โดยประเทศไทยถูกเรียกเก็บที่อัตรา 36 %
ยกเว้น "จีน" เอกสารทำเนียบข่าวระบุว่า ถูกเรียกเก็บในอัตราสูงสุดถึง 245% ในบางรายการ