หนุ่มใหญ่ชาวนนทบุรีเขียนจดหมายลาตาย ฝากรดน้ำต้นทุเรียน รมควันเสียชีวิตในรถคาบ้าน

เมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 21 กรกฎาคม พ.ต.ท.ชัยภักดิ์ วิลาศรี สว.สอบสวน สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี รับแจ้งเหตุ มีผู้เสียชีวิตอยู่ภายในรถ ที่บ้านหลังหนึ่ง ที่ ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยแพทย์จากสถาบัญนิติวิทยาศาสตร์ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิ

ที่เกิดเหตุพบรถเก๋งมิซูมิชิ สีน้ำเงิน ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ภายในรถที่นั่งคนขับ พบศพนายร่มไทร น้อยเหมือนพันธ์ อายุ 56 ปี เจ้าของบ้านหลังดังกล่าว อาชีพช่างทำป้าย นอนเสียชีวิตอยู่ในรถบนเบาะที่นั่งคนขับ ที่พักเท้าด้านหน้าข้างคนขับ พบเตาอั้งโล่ 1 ใบ ภายในเตามีเถ้าถ่านที่มอดหมดแล้ว

ภายในบ้านข้างที่นอน พบจดหมายเขียนด้วยลายมือ บนกระดาษเขียนข้อความว่า “แม่มึง” ชั้นอยู่ในรถนะ โทรเรียกไอ้เอมาเอาไปเผาให้ด้วย สั่งเสียมาหลายครั้งแล้ว หวังว่าคงอยู่กันได้นะ ชั้นหมดห่วงแล้ว อยู่ไปก็ทรมานปวดแข้งปวดขาไปหมด นี่ก็เดินไม่ได้แล้ว ขอไปสบายเถอะ อย่าลืมรดน้ำทุเรียนล่ะ 3-4 วันครั้ง เมื่อมันออกลูก แกจะได้ประโยชน์แบบคิดไม่ถึง “ลาก่อน” เอ ช่วยเผาพ่อทีนะไม่ต้องจัดงานไม่ต้องตามแขก ขอจากไปแบบเงียบๆ มึงก็ไปอยู่กับพี่วัฒน์เถอะ อนาคตจะมั่นคง ส่วนพ่อหมดห่วงแล้วอยู่ไปก็ทรมาน “ลาก่อน”

สอบถามนางวิมลรัตน์ ไอยะรา อายุ 54 ปี ภรรยา กล่าวว่า เขาฟอกไตมา 3 ปีแล้ววันละ 4 ครั้ง เช้ากลางวันเย็นและกลางคืน มาช่วงพักหลังนี้เขาเดินไม่ได้แล้วต้องพาเข้าห้องน้ำ เขาก็เหนื่อยเขาก็ท้อไม่อยากอยู่ ก็เลยขอร้องให้เขาอยู่อยู่ได้สักประมาณปีนึง ขอให้ลูกสำเร็จเสร็จงานอะไรก่อน ฉันถึงเวลามันก็ต้องตายแต่นี่เขารีบ แระกอบกับเดือนนี้เขาเดินไม่ได้เดินได้น้อย เขาเดินไม่ไหวเขาล้ม เขาเลยไม่อยากเดินเขาคลานเข้าห้องน้ำ เขาไม่อยากอยู่เขาอยากจะไปอย่างเดียว และไม่มีคนอยู่ไปทำงานกันลูกก็ตื่นสาย

ด้าน นายวัฏจักร น้อยเหมือนพันธ์ อายุ 18 ปี ลูกชายคนเล็ก กล่าวว่า พบเห็นเขาตอน 6 โมงเช้า และตอนเที่ยงก็เห็นเขาอยู่ในรถ ก็นึกว่าเขานอนหลับอยู่ จนกระทั่งสี่โมงเย็นเห็นยังอยู่ในรถ ก็เลยหาอะไรมางัดรถ ซึ่งพ่อเขาเคยเป็นช่างทำป้ายทุกชนิดรวมทั้งติดตั้งด้วย จากนั้นก็มาทำไส้เดือนขาย จนล่าสุดตอนนี้ก็ไม่ได้ทำอะไร

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ คาดว่ารมควันตัวเองเสียชีวิตเพราะไม่พบหลักฐานการถูกทำร้ายร่างกาย และได้เก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ ร่วมทั้งจดหมายที่เขียนไว้เป็นหลักฐาน ก่อนที่จะมอบศพให้เจ้าหน้าที่มูลนิธินำส่ง สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้ง