"ทรัมป์"ประกาศจ่อขึ้นภาษีนำเข้าเพิ่มอีก ทองแดง +50% ยาและชิป +200%

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศเมื่อว่า สหรัฐฯจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าทองแดงในอัตรา 50% และจะประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าประเภทเซมิคอนดักเตอร์และยารักษาโรคในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขยายสงครามการค้า ที่ได้สร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดโลก
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวในการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบขาวเขาจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าทองแดงในอัตรา 50% และจะมีแผนเก็บภาษีในอัตราที่สูงมากในกลุ่มอุตสาหกรรมเฉพาะทางอื่น ๆ ตามมาอีกในเร็ว ๆ นี้ แต่อย่างไรก็ดีทรัมป์ยังไม่ได้ระบุชัดเจนว่าภาษีดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้เมื่อใด พร้อมกล่าวว่า เขาจะประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้ายาในอัตราที่สูงมาก โดยอาจจะเป็น 200% ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งบริษัทผลิตยาจะมีเวลาหนึ่งปีครึ่งในการเริ่มต้นการผลิตในสหรัฐ ก่อนที่ภาษีนำเข้าดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้
ก่อนหน้านี้เพียงแค่หนึ่งวัน ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ส่งจดหมายแจ้งอัตราภาษีศุลกากรไปยังประเทศคู่ค้า 14 ประเทศ ซึ่งรวมถึงซัพพลายเออร์รายสำคัญของสหรัฐฯ อย่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่น นอกจากนี้ผู้นำสหรัฐฯ ยังเปิดเผยว่าจะเก็บภาษี 10% กับสินค้านำเข้าจากบราซิล อินเดีย และประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS อื่น ๆ โดยอ้างว่ามีนโยบายต่อต้านอเมริกา
ประธานาธิบดีทรัมป์ เปิดเผยด้วยว่าการเจรจาการค้ากับสหภาพยุโรป(EU) และจีนเป็นไปด้วยดี และจะส่งจดหมายแจ้งภาษีไปยังสหภาพยุโรปภายในไม่กี่วันข้างหน้านี้
ถ้อยแถลงของทรัมป์ดังกล่าวระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบขาว อาจทำให้เศรษฐกิจโลกมีความไม่มั่นคงมากยิ่งขึ้น จากผลกระทบของภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดผู้บริโภครายใหญ่ที่สุดในโลก
ทั้งนี้รายงานระบุว่า ราคาทองแดงล่วงหน้าของสหรัฐพุ่งขึ้นมากกว่า 10% หลังทรัมป์ประกาศเก็บภาษีนำเข้าทองแดง ซึ่งเป็นโลหะสำคัญต่อยานยนต์ไฟฟ้า อุตสาหกรรมกลาโหม ระบบสายส่งไฟฟ้า และสินค้าอุปโภคบริโภคอีกหลายประเภท ภาษีใหม่นี้จะถูกเพิ่มเข้าไปในกลุ่มที่มีอยู่แล้ว ได้แก่ ภาษีนำเข้าเหล็ก อะลูมิเนียม และรถยนต์ แม้ยังไม่แน่ชัดว่าจะมีผลบังคับใช้เมื่อใด
ขณะที่ราคาหุ้นกลุ่มยาในสหรัฐร่วงลงหลังจากทรัมป์ขู่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้ายาในอัตรา 200% โดยเขาระบุว่าอาจเลื่อนการบังคับใช้ออกไปประมาณหนึ่งปี
นอกจากนี้ประเทศคู่ค้าต่าง ๆ ก็เร่งพยายามหาวิธีลดผลกระทบจากการเก็บภาษีของสหรัฐฯ หลังจากที่รัฐบาลทรัมป์ขยายเส้นตายจากวันพุธออกไปเป็นวันที่ 1 สิงหาคม 2568
จนถึงปัจจุบันนี้รัฐบาลทรัมป์มีการประกาศเรื่องการบรรลุข้อตกลงทางการค้าและภาษีสำเร็จเพียงแค่ไม่กี่ชาติเท่านั้นหลังจากเลื่อนเวลาบังคับใช้ภาษีไป 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ประกาศเก็บภาษีตอบโต้ครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายน 2568 หากไม่นับจีน ก็มีเพียงแค่สหราชอาณาจักรและเวียดนาม ที่ประกาศสัดส่วนภาษีชัดเจน ขณะที่ประเทศอินเดีย ทรัมป์กล่าวว่าใกล้บรรลุข้อตกลงแล้ว นอกจากนี้คาดว่าจะมีอีก 7 ประเทศที่จะได้รับคำตอบเรื่องภาษีเพิ่มเติม
ทรัมป์กล่าวว่า “ถึงเวลาแล้วที่สหรัฐฯ ควรเริ่มเก็บเงินจากประเทศที่เอาเปรียบเราและหัวเราะเยาะความโง่ของเรา พรุ่งนี้เช้าจะมีหนังสือแจ้งเก็บภาษีอย่างน้อย 7 ฉบับ และอีกหลายฉบับในช่วงบ่าย” โดยไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม
แหล่งข่าวจากอียูระบุว่า อียูซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ กำลังเร่งบรรลุข้อตกลงภายในวันที่ 1 สิงหาคม 2568 โดยอาจเสนอสัมปทานให้กับอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น อากาศยาน อุปกรณ์การแพทย์ และสุรา ขณะเดียวกัน ก็กำลังพิจารณาแนวทางเพื่อคุ้มครองผู้ผลิตรถยนต์ยุโรปที่มีฐานการผลิตในสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีการคลังเยอรมนี ลาร์ส คลิงไบล์ เตือนว่าอียูพร้อมตอบโต้หากจำเป็น โดยระบุว่า ถ้าเราไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าที่เป็นธรรมกับสหรัฐฯ ได้ อียูก็พร้อมใช้มาตรการตอบโต้
ขณะที่ประเทศคู่ค้าสำคัญในเอเชีย อย่างประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ยังคงเดินหน้าเจรจาภาษีต่อ หลังจากได้รับจดหมายระบุว่าถูกเรียกอัตราภาษี 25% ทั้งนี้หลังจากที่ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีนำเข้ากับ 14 ประเทศ กลุ่มวิจัย Yale Budget Lab ของสหรัฐฯ ประเมินว่า อัตราภาษีเฉลี่ยที่ผู้บริโภคสหรัฐฯ ต้องแบกรับเพิ่มขึ้นเป็น 17.6% จากเดิม 15.8% ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในรอบ 90 ปี
ด้านรัฐมนตรีคลัง สก็อตต์ เบสเซนต์ ระบุว่าสหรัฐฯ ได้รับรายได้จากภาษีแล้วประมาณ 100,000 ล้านดอลลาร์ และอาจเก็บได้ถึง 300,000 ล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปี ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สหรัฐฯ เก็บรายได้จากภาษีนำเข้าได้ปีละประมาณ 80,000 ล้านดอลลาร์
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
