รีเซต

หวังอี้ชี้สหรัฐฯ ควรถอดบทเรียน 'ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ' รับผลกระทบรุนแรง

หวังอี้ชี้สหรัฐฯ ควรถอดบทเรียน 'ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ' รับผลกระทบรุนแรง
Xinhua
24 กันยายน 2565 ( 14:53 )
34
หวังอี้ชี้สหรัฐฯ ควรถอดบทเรียน 'ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ' รับผลกระทบรุนแรง

นิวยอร์ก, 24 ก.ย. (ซินหัว) -- เมื่อวันศุกร์ (23 ก.ย.) หวังอี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวกับแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ว่าความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ได้รับผลกระทบหนักหน่วงในปัจจุบัน และฝ่ายสหรัฐฯ ควรถอดบทเรียนจากเรื่องนี้หวังกล่าวเรื่องนี้ระหว่างการหารือ ณ ที่ทำการของคณะผู้แทนถาวรสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำสหประชาชาติในนครนิวยอร์กของสหรัฐฯ โดยทั้งหวังและบลิงเคนได้เข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) สมัยที่ 77 ในนครนิวยอร์กหวังระบุว่าความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ ทั้งสองฝ่ายต้องดำเนินแนวทางอันถูกต้องในการสมานฉันท์ และทำงานเพื่อสกัดกั้นความสัมพันธ์ทวิภาคีถดถอยมากกว่าเดิม และฟื้นฟูเสถียรภาพของความสัมพันธ์สองประเทศ ด้วยทัศนคติของการมีความรับผิดชอบต่อโลก ประวัติศาสตร์ และประชาชนของสองประเทศหวังมุ่งเน้นการดำเนินการที่ผิดพลาดของฝ่ายสหรัฐฯ ในประเด็นไต้หวันเมื่อไม่นานนี้ พร้อมเน้นย้ำจุดยืนอันหนักแน่นของฝ่ายจีนว่าประเด็นไต้หวันถือเป็นแกนกลางผลประโยชน์หลักของจีน และมีนัยสำคัญยิ่งต่อจิตใจของประชาชนจีน"ภารกิจของเราคือการคุ้มครองอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน และเป้าประสงค์นี้ไม่มีส่วนใดที่คลุมเครือเลย" หวังกล่าวกับบลิงเคนหวังเตือนบลิงเคนว่าสหรัฐฯ ได้ให้คำมั่นทางการเมืองอย่างชัดเจนกับจีนในประเด็นไต้หวัน ซึ่งรวมถึงแถลงการณ์ร่วมจีน-สหรัฐฯ จำนวน 3 ฉบับ ที่บรรลุเมื่อหลายสิบปีก่อน และแถลงการณ์หลายฉบับจากรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดปัจจุบันเมื่อไม่นานนี้ ซึ่งกล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าไม่สนับสนุน "เอกราชไต้หวัน"อย่างไรก็ดี สิ่งที่สหรัฐฯ ทำกลับขัดต่อข้อผูกพันของตนเอง ดังจะเห็นได้จากการพยายามทำลายอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดนของจีน ขัดขวางจุดประสงค์อันดีของการรวมจีนอย่างสันติ และดำเนินกลยุทธ์ที่เรียกว่า "ใช้ไต้หวันเพื่อยับยั้งจีน" โดยฝ่ายสหรัฐฯ ยังอ้างต่อสาธารณชนว่าช่วยปกป้องไต้หวัน ซึ่งนับเป็นการส่งสัญญาณที่ผิดพลาดและอันตรายมากสหรัฐฯ ควรกลับไปปฏิบัติตามแถลงการณ์จีน-สหรัฐฯ ทั้งสามฉบับข้างต้น และหลักการจีนเดียว ยืนหยัดในนโยบายจีนเดียวโดยไม่มีองค์ประกอบเพิ่มเติม และแสดงท่าทีคัดค้านอย่างชัดเจนต่อกิจกรรมแบ่งแยกดินแดนเพื่อ "เอกราชไต้หวัน" ทุกรูปแบบประเด็นไต้หวันเป็นกิจการภายในของจีน และสหรัฐฯ ไม่มีสิทธิเข้าแทรกแซงการแก้ไขประเด็นไต้หวัน จุดยืนของจีนต่อเรื่องนี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงและชัดเจนเฉกเช่นที่เป็นมา นั่นคือจีนจะยึดมั่นในหลักการพื้นฐานของ "การรวมชาติอย่างสันติ และหนึ่งประเทศ สองระบบ" ต่อไปหวังย้ำว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่การแก้ไขปัญหาอย่างสันติและ "เอกราชไต้หวัน" จะอยู่ร่วมกัน ยิ่งกิจกรรม "เอกราชไต้หวัน" ลุกลามมากเท่าใด การแก้ไขประเด็นไต้หวันอย่างสันติก็จะยิ่งน้อยลงเท่านั้น โดยมีเพียงการต่อต้านและขัดขวางกิจกรรม "เอกราชไต้หวัน" ที่จะสามารถรักษาสันติภาพข้ามช่องแคบได้อย่างแท้จริงจีนและสหรัฐฯ มีทั้งผลประโยชน์ร่วมกันและความแตกต่างอันลึกซึ้ง และนี่เป็นความจริงที่จะไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งสองประเทศตระหนักดีตั้งแต่เริ่มต้นสานสัมพันธ์ว่าพวกเขากำลังสานสัมพันธ์กับอีกประเทศที่มีระบบแตกต่างกัน ซึ่งไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการสร้างความร่วมมือทวิภาคีบนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกัน และไม่ควรเป็นเหตุผลของการปะทะหรือขัดแย้งระหว่างสองประเทศหวังแสดงความหวังว่าฝ่ายสหรัฐฯ จะแก้ไขการรับรู้เกี่ยวกับจีน ทบทวนและเปลี่ยนแปลงนโยบายเกี่ยวกับจีนที่เคยชักนำด้วยแนวทางยับยั้งและกดขี่ โดยสหรัฐฯ ควรละทิ้งความตั้งใจจัดการกับจีนด้วยกำลังอำนาจ และไม่ควรเข้ามายับยั้งการพัฒนาของจีนหรือทำการกลั่นแกล้งฝ่ายเดียวสหรัฐฯ ควรสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการแลกเปลี่ยนตามปกติระหว่างสองฝ่าย และส่งเสริมความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ กลับคืนสู่เส้นทางการพัฒนาที่แข็งแกร่งและมีเสถียรภาพด้านบลิงเคนกล่าวว่าความสัมพันธ์สหรัฐฯ กับจีนกำลังอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก และการนำพาความสัมพันธ์ทวิภาคีกลับคืนสู่เส้นทางที่มีเสถียรภาพนั้นสอดคล้องกับผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่ายสหรัฐฯ และจีนประสบความสำเร็จในการจัดการความแตกต่างหลายประการในอดีต ฝ่ายสหรัฐฯ ยินดีมีส่วนร่วมในการสื่อสารและเสวนาอย่างตรงไปตรงมากับจีน หลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดและการคาดคะเนผิดพลาด รวมถึงเสาะหาเส้นทางสำหรับการก้าวเดินต่อไปบลิงเคนย้ำว่าฝ่ายสหรัฐฯ ไม่ต้องการแสวงหา "สงครามเย็นครั้งใหม่" ไม่ได้เปลี่ยนแปลงจุดยืนต่อนโยบายจีนเดียว และไม่สนับสนุน "เอกราชไต้หวัน"อนึ่ง หวังและบลิงเคนยังได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครน โดยทั้งสองฝ่ายมองว่าการประชุมครั้งนี้มีความตรงไปตรงมา ความสร้างสรรค์ และความสำคัญ รวมถึงเห็นพ้องจะรักษาการติดต่อสื่อสารระหว่างกันต่อไป

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง