ชาวบ้านร้อง ถูกลูกหลงหวิดดับ เหตุตร.วิสามัญคนร้ายกลางปั๊มน้ำมัน
จากเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา วิสามัญผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ในข้อหา ในข้อหากระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดา และพาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจาร เมื่อช่วงค่ำวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ต่อมา มีผู้เสียหายเข้ามาโวยวายกับเจ้าที่ตำรวจ ว่า รถยนต์เอนกประสงค์ อีซุซุป้ายแดง ถูกอาวุธปืนยิงเข้าประตูด้านฝั่งคนนั่งข้างคนขับ จนหัวกระสุนทะลุเข้าไปคาที่อยู่ที่ตัวรถด้านใน หากกระสุนทะลุเข้าไปหรือวิถีกระสุนเคลื่อนอีก 6 เซนติเมตร ต้องถูกศีรษะคนนั่งมาด้านข้างคนขับ
นายโทนอายุ 26 ปี เผยว่าตนเองพร้อมเพื่อนนั่งมาด้วยกัน 3 คนกลับจากการทำบุญที่จ.นครปฐม อยู่ระหว่างเดินทางกลับ เข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงที่ผ่านที่เกิดเหตุ ได้ยินเสียงดังที่ข้างรถ คิดว่าโดนหินหรือว่ามีอะไรกระเด็นมาถูก ไม่กล้าจอดรถจึงขับรถต่อไป ไปหาที่ปลอดภัยดูพบว่ารถโดนยิง จึงโทรแจ้งตำรวจจนทราบว่า เป็นพื้นที่ของ สภ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา จึงขับรถย้อนกลับมาที่เกิดเหตุ
“ตอนแรกยังไม่ทราบว่ามีการวิสามัญคนร้าย กระทั่งมาทราบจากชาวบ้านที่มาดูเหตุการณ์ว่ามีการวิสามัญคนร้าย ที่อยู่ภายในปั๊ม ตกใจมาก และทราบว่ามีการใช้อาวุธปืนยิงจำนวนหลายนัด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่า กระสุนปืนที่ถูกยิงไม่ทราบว่าเป็นของ ผู้เสียชีวิต หรือของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะต้องทำการผ่าหัวกระสุนออกจากรถ ของตนเอง แต่ตนไม่ยอมเพราะเนื่องจากรถเพิ่งออกมาใหม่ และถ้าผ่าพิสูจน์ตนเองจะต้องเสียเวลา เพราะต้องใช้รถทำงานเสียรายได้ไม่คุ้ม”
“หากเป็นของคนตาย ตนเองก็อาจจะไม่เรียกค่าเสียเวลาก็ได้ แต่หากเป็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องมีการฟ้องร้องเรียกค่าชดเชยที่ตนเองขาดรายได้ไป รถเสียหายตนเองมีประกันทางประกันชดใช้ความเสียหายของรถอยู่แล้ว แต่ค่าเสียเวลาที่ต้องเอารถไปผ่าเอาหัวกระสุนออก ช่วงเวลาที่ซ่อมรถไม่มีรถใช้ ขาดรายได้ใครจะรับผิดชอบ”
นายโทน กล่าวต่อว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองมองว่า ผู้ต้องหาคดี ล่วงละเมิดทางเพศหญิงต่ำกว่าอายุ 15 ทางเจ้าหน้า ตำรวจไม่น่าถึงจะขั้นต้องวิสามัญผู้ต้องหาในจุดที่ตำรวจยิงเป็นจุดที่ชุมชน เสี่ยงต่อให้ประชาชนถูกลูกหลง ซึ่งยังถือว่า โชคดีที่ตนเองหรือเพื่อนที่นั่งมาในรถ ไม่ถูกกระสุนปืน และถ้าเป็นรถจักรยานยนต์ที่ขับผ่านมาอาจจะไม่โชคดีเหมือนอย่างตนก็เป็นได้