คาดปีนี้แห่ตั้งบริษัทพุ่ง 75,000 ราย ชี้ปัจจัยบวกหนุน ทั้งวัคซีน-มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ
คาดปีนี้แห่ตั้งบริษัทพุ่ง - นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจเดือนธ.ค. 2564 มีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่จำนวน 3,705 ราย เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ก่อน (ธ.ค. 2563) และการจดทะเบียนนิติบุคคลจัดตั้งธุรกิจใหม่ทั้งปี 2564 มีจำนวน 72,958 ราย เพิ่มขึ้นถึง 15% เมื่อเทียบกับปี 2563
ในขณะที่การจดทะเบียนเลิกธุรกิจในเดือนธ.ค. มีจำนวน 5,709 ราย ลดลง 5% จากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า และการจดทะเบียนเลิกทั้งปี 2564 มีจำนวน 19,326 ราย ลดลง 8% เทียบกับปี 2563
เมื่อพิจารณาการเพิ่มขึ้นของจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในปี 2564 พบว่า ในหลายธุรกิจสอดรับกับพฤติกรรมของประชาชนที่เปลี่ยนแปลงไปจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19 เช่น ธุรกิจปลูกพืชประเภทเครื่องเทศ เครื่องหอม ยารักษาโรค และพืชทางเภสัชภัณฑ์ มีจำนวนจัดตั้งใหม่ทั้งสิ้น 194 ราย เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนหน้า 8.2 เท่า และธุรกิจสร้างแม่ข่ายมีจำนวนจัดตั้งใหม่ทั้งสิ้น 439 ราย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 6.7 เท่า
รวมถึงนโยบายการผลักดันให้วิสาหกิจชุมชน จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลของภาครัฐ ยังเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจเพิ่มขึ้นด้วย เช่น ธุรกิจปลูกอ้อย มีจำนวนจัดตั้งใหม่ทั้งสิ้น 52 ราย เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนหน้า 51 เท่า และธุรกิจให้เช่าเครื่องจักร และอุปกรณ์ทางเกษตร มีจำนวนจัดตั้งใหม่ทั้งสิ้น 82 ราย เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนหน้า 15.4 เท่า
ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของจำนวนการจดทะเบียนส่วนหนึ่งมาจากการระดมฉีดวัคซีนในปีที่ผ่านมาการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดและโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของภาครัฐ เช่น โครงการคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน รวมทั้งมาตรการผ่อนคลายของแต่ละประเทศ ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจ และหลายธุรกิจสามารถปรับตัวตามสถานการณ์ทางธุรกิจได้เป็นอย่างดี ดังนั้น กรมพัฒนาธุรกิจการค้าคาดการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในตลอดทั้งปี 2565 อยู่ที่ประมาณ 70,000-75,000 ราย
นอกจากนี้ นายทศพล ยังกล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลฟื้นความสัมพันธ์กับซาอุดิอาระเบีย ว่า น่าจะส่งผลดีต่อการค้าและการลงทุนของไทยถือว่าเป็นผลบวกและคาดว่าน่าจะมีนักลงทุนจากซาอุดิอาระเบียสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น