ตำรวจ ประชุมหาหลักฐานเอาผิดเพลิงไหม้ 'เมาท์เทน บี' ยันใครเกี่ยวข้องดำเนินคดีหมด
จากกรณีเหตุการณ์เพลิงไหม้ผับ เมาน์เทน บี ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 15 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 37 ราย ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 7 สิงหาคม ที่กองบังคับการตำรวจภูธร จ.ชลบุรี พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ กิจจาหาญ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พร้อมด้วยตำรวจชุดสืบสวนสอบคดีการเกิดไฟไหม้เมาท์เทน บี ผับ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บมากมาย โดยมีการประชุมนานประมาณ 2 ชั่วโมงเศษ ห้ามสื่อมวลชนฟังการประชุม
หลังจาก พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ กล่าวถึงผลการประชุมว่า ผบช.ภาค 2 ได้มาประชุมพนักงานชุดสอบสวนและสืบสวน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานให้รัดกุมและครบถ้วน ในการดำเนินคดีกับผู้ประทำผิด รวมทั้งพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ตั้งแต่การเปิดดำเนินกิจการของเมาท์เทน บี ผับทั้งหมด เพื่อให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบ ผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิต ได้นำหลักฐานไปดำเนินการเกี่ยวกับการเยียวยา หรือฟ้องร้องเกี่ยวกับค่าเสียหาย
พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์กล่าวว่า ส่วนกรณีที่มีข้อสงสัยว่านายพงศ์ศิริ หรือนายบีเป็นเจ้าของร้านตัวจริงหรือไม่นั้น ขอยืนยันว่าเป็นตัวจริง เพราะตั้งแต่เริ่มมีการก่อสร้าง การขออนุญาต รวมทั้งการเปิดดำเนินกิจการ นายพงศ์ศิริดูแลร้านตลอด ส่วนที่ตั้งของผับติดกับสถานที่ราชการนั้น ในเรื่องนี้ผับดังกล่าวไม่ได้ตั้งติดกับสถานที่ราชการ หรือ สภ.พลูตาหลวง และไม่ได้ติดกับถนนสุขุมวิท (บางนา-ตราด) แต่อยู่ด้านหลังของร้านค้าอีกชั้นหนึ่ง
“กรณีที่มีกระแสข่าวว่าตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องนั้น ในเรื่องนี้กำลังตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งจะรายงานผลเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง ขณะนี้ได้เรียกตัวตำรวจที่เกี่ยวข้องมาช่วยราชการที่กองบังคับการตำรวจภูธร จ.ชลบุรีแล้ว ส่วนการเรียกตัวเจ้าหน้าที่ดูแลระบบไฟฟ้า และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมาสอบสวนนั้น เรียกมาในฐานะพยาน เพื่อสอบปากคำเกี่ยวกับเรื่องการขออนุญาต และระบบขั้นตอนต่างๆ เพื่อนำมาประกอบในสำนวน ซึ่งขณะนี้กำลังตรวจสอบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร” พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์กล่าวและว่า นอกจากนี้ทางด้าน ผบช.ภ.2 ได้สั่งการให้ตรวจสอบสถานบันเทิงทั้งหมดในพื้นที่ ภาค 2 ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการขออนุญาต ระบบความปลอดภัย รวมทั้งการหนีไฟ
พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์กล่าวว่า ในการดำเนินคดีนั้น เบื้องต้นได้ดำเนินดดีกับเจ้าของผู้ประกอบการ ส่วนจะมีผู้ต้องหาเพิ่มขึ้นหรือไม่ อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนรวบรวมหลักฐาน ว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ หาก พบจะดำเนินคดีเต็มที่ อาทิ มีการต่อเติมอาคารโดยไม่ขออนุญาต ใช้อาคารผิดประเภท และในวันที่ 8 สิงหาคม ตำรวจจะได้ลงตรวจสอบพื้นที่อีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากช่วงเกิดเหตุพบว่ามีการยุบของตัวโครงสร้างของตัวอาคาร โดยเฉพาะหลังคา ทำให้ตรวจสอบได้เพียงบางส่วนเท่านั้น จึงได้ประสานงานกับทางโยธาธิการจะยกหลังคาที่จะถล่มออก เพื่อตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง