รีเซต

ไบเดนหารือสมเด็จพระราชาธิบดีซาอุฯ ก่อนเผยผลสืบสวนคดีดัง ชี้มกุฎราชกุมารบงการฆ่านักข่าว

ไบเดนหารือสมเด็จพระราชาธิบดีซาอุฯ ก่อนเผยผลสืบสวนคดีดัง ชี้มกุฎราชกุมารบงการฆ่านักข่าว
ข่าวสด
26 กุมภาพันธ์ 2564 ( 22:22 )
37
ไบเดนหารือสมเด็จพระราชาธิบดีซาอุฯ ก่อนเผยผลสืบสวนคดีดัง ชี้มกุฎราชกุมารบงการฆ่านักข่าว

ไบเดนหารือสมเด็จพระราชาธิบดีซาอุฯ ก่อนเผยผลสืบสวนคดีดัง ชี้มกุฎราชกุมารบงการฆ่านักข่าว - BBCไทย

 

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานแห่งซาอุดีอาระเบีย เรื่องการปรับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเสียใหม่ โดยต้องการให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และพันธมิตรเก่าแก่ อยู่บนพื้นฐานของการเคารพสิทธิมนุษยชนและหลักนิติธรรม

 

การสนทนาทางโทรศัพท์ครั้งนี้มีขึ้น ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมเปิดเผยรายงานการสืบสวนคดีฆาตกรรมนายจามาล คาชูจกิ นักข่าวชาวซาอุดีอาระเบียที่ถูกสังหารในตุรกีเมื่อปี 2018 โดยคาดว่ารายงานดังกล่าวจะระบุให้มกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน แห่งซาอุดีอาระเบีย เป็นผู้มีส่วนพัวพันกับการออกคำสั่งสังหารดังกล่าว

 

 

แถลงการณ์ของทำเนียบขาวเกี่ยวกับการสนทนาทางโทรศัพท์ครั้งนี้ ไม่ได้เอ่ยถึงชื่อของนายคาชูจกิโดยตรง แต่ระบุว่า "ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวชื่นชม เรื่องการปล่อยตัวนักรณรงค์เคลื่อนไหวทางการเมืองชาวอเมริกันเชื้อสายซาอุดีอาระเบียหลายคนเมื่อไม่นานมานี้ ทั้งยังกล่าวยืนยันถึงการที่สหรัฐฯ ให้ความสำคัญต่อสิทธิมนุษยชนตามหลักสากล รวมทั้งให้ความสำคัญต่อหลักนิติธรรมด้วย"

 

Getty Images
การสนทนาครั้งนี้มีขึ้น ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมเปิดเผยรายงานการสืบสวนคดีฆาตกรรมนายจามาล คาชูจกิ

 

ทั้งสองยังได้หารือกันถึงความเป็นหุ้นส่วนที่มีมายาวนานระหว่างสองประเทศ รวมทั้งภัยคุกคามต่อซาอุดีอาระเบียจากกลุ่มฝักใฝ่อิหร่าน โดยประธานาธิบดีไบเดนได้กล่าวรับรองต่อสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานว่า เขาจะพยายามทำให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีนี้แข็งแกร่งขึ้น และมีความโปร่งใสที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งคู่ยังเห็นพ้องที่จะทำงานร่วมกัน ในประเด็นที่น่าวิตกกังวลและเป็นผลประโยชน์ร่วมของทั้งสองฝ่าย

 

ก่อนหน้านี้ซาอุดีอาระเบียมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นขึ้นเป็นพิเศษกับสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จนเป็นเหตุให้เขาไม่ยอมเปิดเผยรายงานการสืบสวนคดีฆาตกรรมนายคาชูจกิ แม้จะมีข้อกฎหมายของสหรัฐฯ กำหนดไว้ให้ต้องเปิดเผยต่อสาธารณะก็ตาม โดยนายทรัมป์บอกว่าให้สหรัฐฯ มุ่งยกระดับความร่วมมือกับซาอุดีอาระเบียจะเป็นการดีกว่า

 

Reuters
ซาอุดีอาระเบียมีความสัมพันธ์แนบแน่นเป็นพิเศษกับสหรัฐฯ ในยุคของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

 

ด้านประธานาธิบดีไบเดนนั้น หลายฝ่ายคาดว่าจะดำเนินนโยบายต่างประเทศที่เข้มงวดขึ้นกับซาอุดีอาระเบีย โดยก่อนหน้านี้ได้สั่งให้สหรัฐฯ ยุติการสนับสนุนปฏิบัติการโจมตีในเยเมนที่มีซาอุดีอาระเบียเป็นผู้นำแล้ว ทั้งยังระงับการขายอาวุธให้ซาอุดีอาระเบียด้วย

 

ส่วนรายงานการสืบสวนคดีฆาตกรรมนายคาชูจกิ ที่สหรัฐฯ เตรียมจะเปิดเผยในไม่ช้านี้ จัดทำโดยสำนักข่าวกรองกลางหรือซีไอเอ ซึ่งข้อมูลหลักฐานบางส่วนที่ชี้ว่ามกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบียเป็นผู้ออกคำสั่งสังหารนั้น มาจากบทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างเจ้าชายคาลิด พระอนุชาของมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ดซึ่งดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำสหรัฐฯ ในขณะนั้นกับนายคาชูจกิ

 

 

รายงานข่าวก่อนหน้านี้ระบุว่า เจ้าชายคาลิดได้ตรัสรับรองความปลอดภัยให้กับเขา หากเข้ามาที่สถานกงสุลในนครอิสตันบูล แต่ภายหลังเจ้าชายคาลิดปฏิเสธว่าไม่เคยติดต่อกับนายคาชูจกิแต่อย่างใด

 

ด้านมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ดได้ปฏิเสธว่า ไม่ทรงรู้เห็นเกี่ยวข้องกับเหตุสังหารนายคาชูจกิ แต่ต่อมาในปี 2019 ได้ตรัสแสดงความรับผิดชอบทั้งหมดต่อกรณีดังกล่าวในฐานะผู้นำประเทศ เนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นคนของทางการซาอุดีอาระเบีย

 

Getty Images
จนถึงทุกวันนี้ เจ้าหน้าที่สืบสวนก็ยังค้นหาศพของนายคาชูจกิไม่พบ

 

สำหรับเหตุสังหารนายคาชูจกินั้น เกิดขึ้นที่สถานกงสุลซาอุดีอาระเบียในนครอิสตันบูลของประเทศตุรกี เมื่อปี 2018 โดยระหว่างที่นายคาชูจกิเข้าไปรับเอกสารบางอย่างเพื่อใช้ในการสมรสกับคู่หมั้นชาวตุรกี เขาถูกสายลับของทางการซาอุดีอาระเบียเข้าควบคุมตัวและฉีดยาเกินขนาดเข้าร่างกายจนทำให้เสียชีวิต มีการชำแหละชิ้นส่วนศพของนายคาชูจกิเพื่ออำพรางซุกซ่อนหลักฐาน ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ก็ยังค้นหาร่างของเขาไม่พบ

 

นายคาชูจกิวัย 59 ปี เคยเป็นที่ปรึกษาของรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียอย่างยิ่ง ก่อนจะกลายเป็นบุคคลไม่พึงประสงค์และต้องลี้ภัยในสหรัฐฯ เมื่อปี 2017 หลังจากนั้นเขาเขียนบทความรายเดือนให้กับหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ โดยวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียอยู่เสมอ

 

ในขณะนั้นทางการซาอุดีอาระเบียระบุว่า การสังหารและชำแหละแยกชิ้นส่วนศพของนายคาชูจกิ เป็นฝีมือของสายลับที่ถูกส่งไปนำตัวเขากลับประเทศ แต่คาดไม่ถึงว่าครั้งนี้พวกสายลับได้กระทำการอย่างรุนแรงป่าเถื่อนเกินเหตุ

 

ต่อมาศาลของซาอุดีอาระเบียได้พิพากษาให้บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง 5 ราย ต้องโทษประหารชีวิต แต่ภายหลังได้รับการลดโทษเหลือจำคุก 20 ปี เมื่อเดือนสิงหาคมของปีที่แล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง