รีเซต

WHO รายงานพบผู้ป่วย "โรคเมอร์ส" 9 ราย เสียชีวิต 2 ราย เช็กอาการ-กลุ่มเสี่ยง

WHO รายงานพบผู้ป่วย "โรคเมอร์ส" 9 ราย เสียชีวิต 2 ราย เช็กอาการ-กลุ่มเสี่ยง
TNN ช่อง16
15 พฤษภาคม 2568 ( 14:40 )
7

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เผยแพร่รายงานสถานการณ์โรค (Disease Outbreak News) ฉบับวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 โดยระบุว่า กระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย (KSA) ได้รายงานการตรวจพบผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือ โรคเมอร์ส (MERSCoV) จำนวน 9 ราย ในช่วงระหว่างวันที่ 1 มีนาคม ถึง 21 เมษายน พ.ศ. 2568 ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย 

ที่น่าสังเกตคือ มีผู้ป่วยเพียงรายเดียวที่มีประวัติสัมผัสอูฐโดยอ้อม และผู้ป่วยรายนี้ไม่ได้อยู่ในกลุ่มก้อนการระบาดในโรงพยาบาล ส่วนผู้ป่วยอีก 8 รายที่เหลือ รวมถึงกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ ไม่พบประวัติการสัมผัสอูฐหรือผลิตภัณฑ์จากอูฐแต่อย่างใด

รายละเอียดสถานการณ์ล่าสุดในซาอุดีอาระเบีย (ข้อมูล ณ 21 เมษายน 2568):

ผู้ป่วยทั้ง 9 ราย ได้รับการรายงานจากแคว้นฮาอิล (1 ราย) และแคว้นริยาด (8 ราย) แบ่งเป็นเพศชาย 5 ราย และเพศหญิง 4 ราย การยืนยันการติดเชื้อทำได้ด้วยวิธี realtime polymerase chain reaction (RTPCR) ในช่วงวันที่ 1 มีนาคม ถึง 16 เมษายน พ.ศ. 2568
กลุ่มก้อนการระบาดในโรงพยาบาล (Nosocomial Cluster) ณ กรุงริยาด: พบผู้ป่วย 7 รายในกลุ่มนี้ ประกอบด้วยผู้ป่วยรายแรก (index case) และบุคลากรทางการแพทย์และผู้ดูแล (health and care workers) อีก 6 ราย ที่ติดเชื้อจากการดูแลผู้ป่วยรายดังกล่าว การตรวจพบกลุ่มก้อนนี้เป็นผลมาจากการติดตามผู้สัมผัสอย่างเข้มข้น

ในจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ 6 รายที่ติดเชื้อ:
- 4 ราย ไม่แสดงอาการ (asymptomatic)
- 2 ราย มีอาการเล็กน้อยและไม่จำเพาะเจาะจง เช่น ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ และอาเจียน

การประเมินความเสี่ยงและการตอบสนองของ WHO และซาอุดีอาระเบีย:

WHO ระบุว่า การแจ้งเตือนผู้ป่วยกลุ่มนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงการประเมินความเสี่ยงโดยรวมของโรคเมอร์ส ซึ่งยังคงอยู่ในระดับปานกลางทั้งในระดับโลกและระดับภูมิภาค กรณีผู้ป่วยเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเชื้อไวรัสยังคงเป็นภัยคุกคามในประเทศที่มีการหมุนเวียนของเชื้อในอูฐหนอกเดียวและสามารถแพร่เชื้อสู่มนุษย์ได้ WHO คาดการณ์ว่าจะยังคงมีรายงานผู้ป่วยเพิ่มเติมจากภูมิภาคตะวันออกกลางและประเทศอื่นๆ ที่มีการหมุนเวียนของเชื้อในอูฐ และอาจมีการส่งต่อผู้ป่วยไปยังประเทศอื่นผ่านผู้ที่ได้รับเชื้อจากการสัมผัสอูฐหรือผลิตภัณฑ์จากอูฐ หรือในสถานพยาบาล

การที่บุคลากรทางการแพทย์ 4 ใน 6 รายในกลุ่มก้อนไม่แสดงอาการ และอีก 2 รายมีอาการเพียงเล็กน้อย สะท้อนถึงประสิทธิภาพของการติดตามผู้สัมผัสและการตรวจหาเชื้ออย่างเข้มงวดโดยทางการซาอุดีอาระเบีย

มาตรการตอบสนองของกระทรวงสาธารณสุขซาอุดีอาระเบีย:

การป้องกันและควบคุมการติดเชื้อ (IPC) ในสถานพยาบาล: ฝึกอบรมบุคลากรอย่างสม่ำเสมอ, ใช้มาตรการ IPC ที่เข้มงวด (เช่น การคัดกรอง, การใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE), การแยกผู้ป่วยต้องสงสัย), การแยกผู้ป่วยยืนยันและการกักกันผู้สัมผัสโดยเร็ว

การเฝ้าระวังและการตรวจหาเชื้อ: ติดตามผู้สัมผัสความเสี่ยงสูงอย่างจริงจัง, รวมการตรวจ MERSCoV ในระบบเฝ้าระวังเชิงรับตั้งแต่ปี 2566
การสร้างความตระหนักด้านสาธารณสุขและสุขอนามัย: รณรงค์เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อจากคนสู่คน, ให้คำแนะนำแก่ผู้มีโรคประจำตัวให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับสัตว์ โดยเฉพาะอูฐ

ทำความรู้จัก "โรคเมอร์ส" เพิ่มเติมจากข้อมูล WHO:

สาเหตุและการติดต่อ: 

เกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนา MERSCoV มนุษย์ติดเชื้อจากการสัมผัสโดยตรงหรือโดยอ้อมกับอูฐหนอกเดียว (แหล่งรังโรคตามธรรมชาติ) การแพร่เชื้อจากคนสู่คนเกิดขึ้นผ่านละอองฝอยจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจในระยะใกล้และการสัมผัส โดยส่วนใหญ่เกิดในสถานการณ์ใกล้ชิด โดยเฉพาะในสถานพยาบาล การแพร่เชื้อนอกสถานพยาบาลมีเอกสารยืนยันจำกัด

อาการ: 

มีได้ตั้งแต่ไม่แสดงอาการ, อาการทางเดินหายใจเล็กน้อย, ไปจนถึงอาการรุนแรงที่นำไปสู่ภาวะหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน (ARDS) และเสียชีวิต อาการทั่วไปคือ ไข้ ไอ หายใจลำบาก และมักพบปอดอักเสม (แต่ไม่เสมอไป) บางรายมีอาการทางเดินอาหาร เช่น ท้องร่วง ผู้ป่วยอาการหนักอาจต้องได้รับการดูแลในหอผู้ป่วยหนักและใช้เครื่องช่วยหายใจ

กลุ่มเสี่ยง: 

ผู้สูงอายุ, ผู้มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ, และผู้มีโรคประจำตัว (เบาหวาน, โรคไต, โรคปอด, มะเร็ง)

 อัตราการเสียชีวิต (CFR): 

ประมาณ 36% จากผู้ป่วยที่ยืนยันผลทางห้องปฏิบัติการทั่วโลก ซึ่ง WHO ตั้งข้อสังเกตว่าอาจสูงกว่าความเป็นจริงเนื่องจากผู้ป่วยอาการน้อยอาจไม่ถูกตรวจพบ สำหรับซาอุดีอาระเบีย จากข้อมูลสะสม CFR อยู่ที่ประมาณ 39%

 การลดลงของเคสช่วงโควิด19: WHO ชี้ว่าน่าจะเป็นผลจากการให้ความสำคัญกับการเฝ้าระวัง SARSCoV2 ประกอบกับอาการทางคลินิกที่คล้ายคลึงกันอาจลดการตรวจหาเชื้อ MERSCoV อย่างไรก็ตาม ซาอุดีอาระเบียได้ปรับปรุงศักยภาพการตรวจหาเชื้อ MERSCoV หลังการระบาดของโควิด19 โดยรวมเข้ากับการเฝ้าระวังเชิงรับสำหรับตัวอย่างที่ให้ผลลบต่อไข้หวัดใหญ่และ SARSCoV2 ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 มาตรการ IPC ช่วงโควิด19 ก็อาจช่วยลดโอกาสการแพร่เชื้อ MERSCoV จากคนสู่คน ส่วนทฤษฎีภูมิคุ้มกันข้ามจาก SARSCoV2 ยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม

วัคซีนและการรักษา: ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนหรือการรักษาจำเพาะสำหรับโรคเมอร์ส แม้จะมีการพัฒนาวัคซีนและยาจำเพาะหลายตัว การรักษาจึงเป็นแบบประคับประคองตามอาการและความรุนแรงของโรค

คำแนะนำจาก WHO:

การเฝ้าระวัง: ทุกประเทศสมาชิกต้องมีระบบเฝ้าระวังการติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลันที่เข้มแข็ง รวมถึง MERSCoV และตรวจสอบรูปแบบที่ผิดปกติอย่างรอบคอบ

 มาตรการ IPC ในสถานพยาบาล: มีความสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อในสถานพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ควรใช้มาตรการป้องกันมาตรฐาน (Standard Precautions) กับผู้ป่วยทุกคน ทุกครั้ง

การระบายอากาศ: ห้องผู้ป่วยทั่วไปควรมีอัตราการระบายอากาศอย่างน้อย 60 ลิตร/วินาที/ผู้ป่วย (หรือ 6 air changes per hour  ACH) สำหรับห้องที่ทำหัตถการที่ก่อให้เกิดละอองฝอย (AerosolGenerating Procedures  AGPs) ควรมีอัตราการระบายอากาศอย่างน้อย 160 ลิตร/วินาที (หรือ 12 ACH)

ข้อควรระวังเพิ่มเติม: ใช้ Contact and Droplet Precautions (เช่น ให้ผู้ป่วยอยู่ห้องแยก, ใช้อุปกรณ์ดูแลเฉพาะ, สวม PPE ที่เหมาะสม: เสื้อกาวน์สะอาดไม่จำเป็นต้องปลอดเชื้อ, ถุงมือ, อุปกรณ์ป้องกันตา, หน้ากากทางการแพทย์ที่กระชับ) และ Airborne Precautions เมื่อทำ AGPs

การจัดการผู้ป่วยและผู้สัมผัส: การตรวจจับแต่เนิ่นๆ การจัดการผู้ป่วย การแยกผู้ป่วยโดยเร็ว การกักกันผู้สัมผัส ควบคู่กับมาตรการ IPC และการให้ความรู้แก่ประชาชน สามารถป้องกันการแพร่เชื้อจากคนสู่คนได้

คำแนะนำสำหรับประชาชนทั่วไปและกลุ่มเสี่ยง:

ผู้ที่มีโรคประจำตัวควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับสัตว์ โดยเฉพาะอูฐ เมื่อไปในฟาร์ม ตลาด หรือพื้นที่โรงนาที่อาจมีเชื้อไวรัสหมุนเวียน
ปฏิบัติตามหลักสุขอนามัยทั่วไป เช่น ล้างมือเป็นประจำก่อนและหลังสัมผัสสัตว์ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ป่วย
สังเกตหลักปฏิบัติด้านสุขอนามัยเมื่อต้องจัดการกับผลิตภัณฑ์อาหารจากอูฐ หลีกเลี่ยงการดื่มนมอูฐดิบหรือปัสสาวะอูฐ หรือรับประทานเนื้อที่ปรุงไม่สุก

WHO ไม่แนะนำ ให้มีการคัดกรองพิเศษ ณ จุดผ่านเข้าออกประเทศ หรือใช้ข้อจำกัดทางการเดินทางหรือการค้าใดๆ ในขณะนี้

สถานการณ์โรคเมอร์สทั่วโลกและในซาอุดีอาระเบีย (ข้อมูลสะสมตั้งแต่ปี 2555 ถึง 21 เมษายน 2568):

ทั่วโลก: มีรายงานผู้ป่วยยืนยัน 2,627 ราย จาก 27 ประเทศใน 6 ภูมิภาคของ WHO เสียชีวิต 946 ราย (CFR 36%)
ซาอุดีอาระเบีย: เป็นประเทศที่มีรายงานผู้ป่วยมากที่สุด คิดเป็น 2,218 ราย (84% ของทั่วโลก) และเสียชีวิต 865 ราย (CFR 39%)

ตั้งแต่ปี 2562 ไม่พบการติดเชื้อ MERSCoV ในมนุษย์จากประเทศนอกภูมิภาคตะวันออกกลาง
องค์การอนามัยโลกยังคงติดตามสถานการณ์ทางระบาดวิทยาอย่างใกล้ชิดและดำเนินการประเมินความเสี่ยงตามข้อมูลล่าสุดที่มีอยู่ต่อไป

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง