ราชกิจจาฯ เผยแพร่ประกาศแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินฯ
วันนี้( 1 ธ.ค.63) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ที่ 29/2563 เรื่อง การออกปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกาหนดการบริหารสถานการณ์ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 9)
เพื่อให้การปฏิบัติตามข้อกาหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกาหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548ตามประกาศนายกรัฐมนตรี เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 8) ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 และการให้ข้อกำหนด ประกาศ และคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย อาศัยอำนาจตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 4/2563 ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2563 เรื่อง แต่งตั้งผู้กำกับการปฏิบัติงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบ และพนักงานเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ข้อ 3 (6) ข้อ 4และข้อ 5 และคำสั่งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงที่ 1/2563 ลงวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2563 ข้อ 1 จึงกำหนดแนวทางปฏิบัติ ดังนี้
1. ให้การปฏิบัติตามคำสั่งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงในเรื่องปรับการตั้งจุดตรวจควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด - 19 จัดตั้งคณะตรวจการประกอบกิจการและกิจกรรมตามมาตรการผ่อนคลาย แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ มอบหน้าที่และอำนาจ และแต่งตั้งหัวหน้าคณะตรวจการประกอบกิจการและกิจกรรมตามมาตรการผ่อนคลายยังมีผลใช้บังคับและปรับการปฏิบัติให้สอดคล้องกับแนวทางที่กำหนดรวมทั้งดำรงความต่อเนื่องในการตรวจกิจการและกิจกรรมที่ได้รับการผ่อนคลาย โดยเฉพาะกิจการและกิจกรรมที่มีประชาชนเข้าร่วมจำนวนมาก และสถานประกอบการที่มีแนวโน้มการใช้แรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รวมทั้งเพิ่มการรณรงค์ส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ให้สถานประกอบการและประชาชนตระหนักและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค ตลอดจนแจ้งเบาะแสแก่ทางราชการ หากพบว่ามีผู้ละเมิดมาตรการป้องกันโรค เพื่อรองรับฤดูหนาวและการเข้าสู่เทศกาลปีใหม่ รวมถึงการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาในระดับนานาชาติ ซึ่งจะมีการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก
2. ดำรงความต่อเนื่องในการตั้งจุดตรวจร่วม และชุดสายตรวจร่วมเพื่อป้องกันอุบัติเหตุการก่ออาชญากรรม การรวมกลุ่มชุมนุมที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ตามกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะหรือมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค หรือการกระทำอันเป็นการฉวยโอกาสซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน
3. เพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าตรวจ สกัดกั้น และจับกุมแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองในเขตรับผิดชอบ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโรคโควิด -19 และมีสถิติการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รวมทั้งประสานใช้กลไกด้านการปกครองในระดับพื้นที่ในการเฝ้าระวัง ค้นหา และการแจ้งเบาะแสผู้หลบหนีเข้าเมือง ตลอดจนเพิ่มมาตรการการตรวจสอบบุคคลและยานพาหนะในพื้นที่จังหวัดชายแดนและพื้นที่ชั้นใน โดยเฉพาะขบวนการนำพาและผู้ให้ที่พักพิงกับแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ทั้งนี้ ให้ดำเนินการสอบสวนผู้กระทำผิดที่จับกุมได้เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563
พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์
ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNTHAILAND.comfacebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE