รีเซต

จนมุมเพราะติ๊กต็อก! ตร.รวบสามีภรรยาตุ๋นพาไปทำงานอังกฤษ หลังหนี 22 หมายจับนานนับ 10 ปี

จนมุมเพราะติ๊กต็อก! ตร.รวบสามีภรรยาตุ๋นพาไปทำงานอังกฤษ หลังหนี 22 หมายจับนานนับ 10 ปี
มติชน
6 กันยายน 2564 ( 17:38 )
95
จนมุมเพราะติ๊กต็อก! ตร.รวบสามีภรรยาตุ๋นพาไปทำงานอังกฤษ หลังหนี 22 หมายจับนานนับ 10 ปี

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 6 กันยายน ที่บริเวณหน้าสำนักงานตำรวจภูธรภาค 3 นครราชสีมา พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบช.ภาค 3 พร้อม พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย ผบก.ภ.จ.นครราชสีมา พ.ต.อ.ถิรเดช จันทร์ลาด ผกก.สืบสวน ภ.จ.นครราชสีมาและชุดเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมร่วมแถลงความคืบหน้าการคลี่คลายคดี “ร่วมกันจัดหางานเพื่อให้คนหางานไปทำงานยังต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน หลอกลวงคนหางานว่าสามารถจัดหางานหรือสามารถส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้และจากการหลอกลวงดังกล่าวได้ไปซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดของผู้ถูกหลอกลวง โดยจับกุมผู้ต้องหาชื่อนายสมบุญ ดวงเกตุ อายุ 59 ปี และนางบุญ ดวงเกตุ อายุ 55 ปี สามีภรรยา ภูมิลำเนา อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา

 

 

พล.ต.ท ภาณุรัตน์ ผบช.ภาค 3 เปิดเผยว่า ช่วงปี 2553-56 มีการก่อเหตุลักษณะขบวนการ พฤติการณ์ร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายหลายพื้นที่วางกลอุบายสามารถจัดหางานเพื่อให้ไปทำงานที่ประเทศเกาหลีได้ โดยมีผู้เสียหลายรายหลงเชื่อและจ่ายเงินค่าตอบแทนให้ รวมทั้งมีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษในพื้นที่เกิดเหตุได้แก่ สภ.จักราช, สภ.ประทาย, สภ.ห้วยแถลง, สภ.เมือง พลับพลา สภ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา และ สภ.บ้านใหม่ไชยพจน์ และ สภ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ มีผู้ต้องหาทั้งสิ้น 6 คน

 

 

ซึ่งจำนวน 4 คน ถูกจับกุมและดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้ เหลือ 2 ราย คือนายสมบุญ และนางบุญ ดวงเกตุ สามีภรรยา เป็นตัวการสำคัญและมีหมายจับคนละ 11 คดี รวม 22 หมายจับ ได้หลบหนีนานกว่า 10 ปี รวมมูลค่าความเสียหายที่หลอกลวงเงิน 2,428,000 บาท จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย ผบก.ภ.จ.นครราชสีมา เร่งรัดติดตามสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาโดยเร็ว

 

 

“ผู้ต้องหาสามีภรรยาทราบถูกออกหมายจับ ได้ทำหนังสือเดินทางไทย วันที่ 8 กรกฎาคม 2554 วันที่ 12 กค. 54 เดินทางไปประเทศกัมพูชา ใช้จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และได้เดินทางกลับเข้ามาราชอาณาจักรไทย ในวันที่ 13 กค. ต่อมาวันที่ 14 กค. ผู้ต้องหาได้เดินทางออกนอกประเทศ ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ปลายทางประเทศเกาหลีใต้” ผบช.ภาค 3 กล่าว

 

 

การสืบสวนทราบผู้ต้องหาได้หนีไปทำงานในฟาร์มเลี้ยงไก่ ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งอาจนำเงินที่หลอกลวงผู้เสียหายมาใช้จ่ายอย่างมีความสุข ต่อมาได้เบาะแสจากสื่อโซเซียล “ติ้กต็อก” ซึ่งผู้ต้องหาชอบเผยแพร่ความเคลื่อนไหวเรื่องราวต่างๆในชีวิตประจำวัน จนสามารถนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองได้

 

 

นายสุวิทย์ ปูนไธสง อายุ 58 ปี ชาวตำบลเมืองพลับพลา อ.ห้วยแถลง หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ปี 2553 นางลสา ศรวงศ์ เมียของชาวอังกฤษ ซึ่งเป็นเครือข่ายอ้างเป็นนายหน้าจัดหาแรงงานไปทำงานที่ร้านอาหารของสามีในประเทศอังกฤษ ได้เงินค่าจ้าง 7 หมื่นบาทต่อเดือน แต่ต้องจ่ายค่าดำเนินเอกสารหลักฐานรายละ 3 แสนบาท สัญญาปีต่อปี ตนหลงเชื่อได้จ่ายเงิน 4 หมื่นบาทให้กับนายสมบุญ นางบุญ สามีภรรยาเป็นค่าดำเนินการเอกสารต่างๆ ทั้ง 2 คนเป็นเครือข่ายของนางลสา ฯ ทำหน้าที่คอยตระเวนหาเหยื่อพร้อมพูดจาหว่านล้อมออกอุบาย โชคดีที่ไม่ได้จ่ายส่วนที่เหลืออีก 1.6 แสนบาท ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเหลือในการติดตามจับกุม

 

 

ด้านนายวิโรจน์ พะเนาไธสง อายุ 58 ปี ชาว อ.ห้วยแถลง ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนและเพื่อนร่วมชะตากรรมเดียวกัน เป็นเพียงชาวบ้านและเกษตรกรไม่มีความรู้ในการตรวจสอบ ประกอบกับแก๊งคนร้ายได้ออกอุบายเสนอที่ดูหน้าเชื่อถือ ค่าตอบแทนต่อเดือนนั้นสูงถึง 7 หมื่นบาท จึงหลงเชื่อ จากนั้นได้ไปกู้หนี้ยืมสินมาจ่ายค่านายหน้า เพื่อให้ได้เดินทางไปทำงานต่างประเทศ ผู้เสียหายบางรายได้จ่ายเงินไปแล้วกว่า 2 แสนบาท แต่ยังไม่ได้เดินทางไปไหนแต่อย่างใด ก่อนรู้ตัวว่าถูกหลอกลวง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง