อินเดียเผชิญภาษีสหรัฐฯ สูงที่สุดในโลกเริ่มสัปดาห์นี้ สะเทือนเศรษฐกิจ-ความสัมพันธ์

การส่งออกสินค้าของอินเดียไปยังสหรัฐฯ จะเผชิญกับอัตราภาษีที่สูงที่สุดในโลกภายในสัปดาห์นี้ หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงนาทีสุดท้ายจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ หลังจากทรัมป์เชื่อมโยงประเด็นสงครามและสันติภาพเข้ากับการค้า โดยขู่ว่าจะเก็บภาษีสูงถึงร้อยละ 50 ต่ออินเดีย เพื่อตอบโต้การที่อินเดียยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ซึ่งสหรัฐฯ อ้างว่าเป็นการสนับสนุนทางการเงินต่อสงครามของมอสโกในยูเครน
มาตรการภาษีเชิงรุกนี้ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและอินเดีย เปิดโอกาสให้อินเดียหันมาปรับปรุงความสัมพันธ์กับจีนครั้งใหม่ และส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 5 ของโลกด้วย
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา ทรัมป์ได้กำหนดเส้นตาย 3 สัปดาห์เพื่อปรับขึ้นภาษีสินค้าจากอินเดีย โดยคาดว่าภาษีจะเริ่มมีผลในเช้าวันพุธที่ 27 สิงหาคม ตามเวลาอินเดีย
ในปี 2567 สหรัฐฯ ถือเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของอินเดีย โดยมีมูลค่าการส่งออกสูงถึง 87,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นักวิเคราะห์จากโนมูระ วาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น เตือนว่า การเก็บภาษีในระดับร้อยละ 50 เทียบเท่ากับ “การคว่ำบาตรทางการค้า” ซึ่งจะส่งผลรุนแรงต่อผู้ประกอบการรายย่อยที่มีมูลค่าเพิ่มต่ำและกำไรเล็กน้อย
ส่วนการาริมา กาปูร์ จากบริษัทหลักทรัพย์และวิจัยการลงทุน Elara Securities กล่าวว่า ภายใต้ภาษีระดับนี้ “ไม่มีสินค้าอินเดียใดสามารถแข่งขันได้ในตลาดสหรัฐฯได้เลย”
นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า มาตรการดังกล่าวอาจทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP ของอินเดียหดตัวลง 70 ถึง 100 จุดพื้นฐานในปีงบประมาณนี้ ทำให้อัตราการเติบโตต่ำกว่าร้อยละ 6 ซึ่งจะเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ยุคโควิด
ผู้ส่งออกในอุตสาหกรรมสิ่งทอ, อาหารทะเล และเครื่องประดับ เริ่มรายงานการยกเลิกคำสั่งซื้อจากสหรัฐฯ และสูญเสียลูกค้าให้กับคู่แข่งอย่างบังกลาเทศและเวียดนาม ซึ่งอาจนำไปสู่การปลดพนักงานจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อยกเว้นบางส่วน เช่น ยาและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึง iPhone ที่ประกอบในอินเดีย ซึ่งยังไม่ถูกเก็บภาษีในรอบนี้
S&P คาดว่าการส่งออกที่ได้รับผลกระทบจะมีมูลค่าเทียบเท่ากับร้อยละ 1.2 ของ GDP ของอินเดีย แต่ระบุว่าเป็น “แรงกระแทกแบบครั้งเดียว” ที่ “จะไม่ส่งผลต่อแนวโน้มการเติบโตระยะยาว” ของประเทศ
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
