กัมพูชาอพยพผู้คนถอยห่างชายแดน 80 กม.

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาฝั่งจังหวัดตราด ยังคงตึงเตรียด หลังมีเสียงปืนจากฝั่งกัมพูชาเมื่อ 3 วันก่อน บริเวณแนวชายแดนใกล้ฐานทหารพรานนาวิกโยธินบ้านชำราก ทำให้ฝั่งไทยเรามีการสับเปลี่ยนกำลังตลอดเวลา เพื่อคุมเข้มแนวชายแดน ทั้งทหาร ฝ่ายปกครอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และโรงเรียนต่างๆที่อยู่พื้นที่ชายแดน ต้องเร่งทำหลุมหลบภัยเพิ่ม และมีการซักซ้อมกับชาวบ้านในพื้นที่โดยเฉพาะโรงเรียนต่างๆที่อยู่ใกล้ชายแดน
โรงเรียนวัดสะพานหิน เป็นอีกหนึ่งโรงเรียนที่อยู่ติดชายแดนในพื้นที่ของตำบลแหลมกลัด อำเภอเมืองตราด มีทหารนาวิกโยธิน และฝ่ายปกครอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมกันซ้อมแผนหลับภัยให้กับนักเรียนต่อเนื่อง เพื่อรองรับสถานการณ์จริง หากมีการสู้รบแนวชายแดน โดยปัดฝุ่นหลุมหลบภัยที่มีอยู่แล้วสมัยสงครามยุทธการบ้านชำราก เมื่อปี 2528 ที่ผ่านมา เป็นหลุมภัยที่บรรจุคนได้ 60 คน จำลองเหตุการณ์จริง ทางโรงเรียนประกาศเตือนชาวบ้านใกล้เคียง ครูและนักเรียนกำลังทำการเรียนการสอน เมื่อสิ้นเสียงประกาศเตรียมพร้อมลงมาด้านล่างเพื่อวิ่งเข้าหลุมหลบภัยตามยุทธวิธี ที่ได้มีการซ้อมเสมือนจริง // ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่บอกว่า ทางฝั่งกัมพูชายมีการอพยพผู้คนในพื้นที่และชาวจีนที่มาลงทุนทำกาซิโนไปอยู่ที่เมืองเบนเวงห่างชายชายแดนไปประมาณ 80 กิโลเมตร ได้หลายวันแล้ว
ส่วนที่จังหวัดสะรแก้ว เจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ กองกำลังบูรพา ทหารพรานที่ 12 ยังคงปฏิบัติการอย่างเข้มงวดในการเฝ้าระวังตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา โดยเฉพาะบริเวณ “คลองพรหมโหด” ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญระหว่างตลองพรหมโหด อำเภออรัญประเทศ ติดฝั่งประเทศกัมพูชา
พันเอก ชัยณรงค์ กาสี ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ เผยว่า สถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนที่ยังไม่ปกติ เจ้าหน้าที่ได้เดินหน้าบังคับใช้มาตรการเชิงรุก ตรวจสอบพื้นที่ ลำน้ำชายแดน อย่างสม่ำเสมอ หลังตรวจพบความเคลื่อนไหว ต้องสงสัยบริเวณลำคลองดังกล่าว พร้อมทั้งสามารถจับภาพโดรนไม่ทราบฝ่าย ซึ่งเชื่อว่าอาจเป็นเครื่องมือของกลุ่มขบวนการลักลอบเข้าเมือง หรือคอลเซ็นเตอร์ ที่พยายามสอดแนมเส้นทางข้ามแดน
เจ้าหน้าที่จึงได้เพิ่มกำลังชุดลาดตระเวน และตั้งจุดตรวจ-สกัดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการลักลอบ เข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย โดยเฉพาะกลุ่มขบวนการค้ามนุษย์ ขบวนการคอลเซ็นเตอร์ และแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ที่อาจใช้เส้นทางธรรมชาติ เข้าสู่ฝั่งไทย โดยการปฏิบัติการ ครั้งนี้เป็นไปตามนโยบาย ของกองกำลังบูรพา ที่เน้นย้ำ ให้หน่วยในพื้นที่ ชายแดนเร่งเฝ้าระวัง และดำเนินการ เชิงรุก ในทุกเส้นทาง ที่เป็นจุดเสี่ยง เพื่อป้องกัน มิให้มีกลุ่มบุคคลแฝงตัว เข้ามา ในราชอาณาจักร หรือ ก่ออาชญากรรม หรือกระทำผิดกฎหมายบนแผ่นดินไทย ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานด้านความมั่นคง ในพื้นที่ ทั้งทหาร ตำรวจ ตรวจคนเข้าเมือง และฝ่ายปกครอง เพื่อควบคุม สถานการณพร้อมเดินหน้าจับตา ทุกความเคลื่อนไหว ตามแนวชายแดน อย่างใกล้ชิด