รีเซต

‘ชาญวิทย์’ ชี้ อนุสาวรีย์ ปชต.ขลังขึ้นทุกวัน ลั่น ทุบทิ้งไม่ง่ายแล้ว

‘ชาญวิทย์’ ชี้ อนุสาวรีย์ ปชต.ขลังขึ้นทุกวัน ลั่น ทุบทิ้งไม่ง่ายแล้ว
มติชน
15 พฤศจิกายน 2563 ( 13:41 )
105

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ นักประวัติศาสตร์ชื่อดัง อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า ครั้งหนึ่ง นายเคร็ก เรย์โนลด์ส ศาตราจารย์พิเศษประจำสำนักวิชาวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และภาษา มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย เคยเปรียบเทียบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยของไทย กับเจดีย์ชเวดากอง ของเมียนมาว่ามีความหมายคล้ายคลึงกัน ซึ่งในขณะนั้นตนไม่เห็นด้วย แต่สุดท้ายค่อยๆ เปลี่ยนใจ เพราะสถานการณ์ต่างๆ สะท้อนให้เห็นว่าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพิ่มความขลังขึ้นเรื่อยๆ จากเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 จนถึงงานม็อบเฟสต์ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

 

“ครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว เคร็ก เรย์โนลด์ส เคยเปรียบเทียบวัฒนธรรมสถานทั้งสองนี้ว่ามีความหมายคล้ายคลึงกัน ในฐานะเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อสิทธิ เสรีภาพ เสมอภาค เมื่อฟังแรกๆ ผมไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไร ผมคิดว่ามหาเจดีย์ชเวดากองขลังกว่า ส่วนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยขลังน้อยกว่า หลายสิบปีผ่านไป ผมก็เริ่มเปลี่ยนใจ อนุสาวรีย์ของไทยค่อยๆ ถูกต่อเติมความขลัง เพิ่มขึ้นที่ละเล็กทีละน้อย จากการเป็นจุดชุมนุมใหญ่ของเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 จากการแบกศพวีรชน ห่อผ้าขึ้นไปฟ้องประชาชนในเหตุการณ์ ครั้งนั้น จากการดัดแปลงให้กลายเป็นสวนดอกไม้ จากการกีดกันประชาชนออกไปให้ห่าง แม้แต่การเสนอให้ดัดแปลง เปลี่ยนรัฐธรรมนูญและพานแว่นฟ้าบ้าง หรือไม่ก็ให้ทุบทิ้ง จากการพยายามลดบารมี รัศมีของจอมพล ป.พิบูลสงคราม ผู้ดำริให้ก่อสร้างเมื่อปี 2483 แต่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยก็กลับขลังขึ้นๆ จนกลายเป็นที่ชุมนุมใหญ่ เกิดเหตุการณ์ใหญ่ๆ กลายเป็นภาพ background ที่ขลัง ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาปีแล้วปีเล่า จากช่วงทศวรรษ 2530s ถึง 2550s จนกระทั่ง 2560s ในทุกวันนี้ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง คงทุบทิ้งไปง่ายๆ ไม่ได้แล้ว เหตุการณ์จากการชุมนุมเมื่อ 14 พ.ย. 2563 บอกเราว่า ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเดินทางมาถึงแล้ว” ศ.พิเศษ ดร.ชาญวิทย์กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง